สธ.สรุปผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เหลือนอนโรงพยาบาล 24 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม - Influenza A(H1N1)

Tuesday, June 30, 2009 at 4:19 PM

กระทรวงสาธารณสุข สรุปผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ หายป่วยแล้ว 1,387 ราย เสียชีวิต 3 รายเท่าเดิม คงเหลือนอนรักษาในโรงพยาบาล 24 ราย ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอสม. เน้นประชาสัมพันธ์กระตุ้นประชาชนให้ความสำคัญการป้องกันการติดเชื้อ และการแพร่กระจายเชื้อเมื่อป่วย

นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า ในวันนี้ (30 มิถุนายน 2552) ได้รับรายงานผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ฯ เพิ่ม 84 ราย เป็นนักเรียน 61 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 6 ราย และอยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด 17 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สถานการณ์โดยรวมตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน - 30 มิถุนายน 2552 มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 1,414 ราย เสียชีวิต 3 ราย รักษาหายเป็นปกติแล้ว 1,387 ราย ขณะนี้ยังคงมีผู้ป่วยนอนรักษาในโรงพยาบาล 24 ราย ทุกรายอยู่ในความดูแลของคณะแพทย์อย่างใกล้ชิด

นายมานิตกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรค เป็นที่น่าสังเกตว่าจะพบผู้ป่วยในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น สถานศึกษา ค่ายทหาร สถานบันเทิง ได้เน้นให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. เร่งให้ความรู้ กระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ และป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นเมื่อป่วยเป็นไข้หวัด โดยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ใช้ช้อนกลาง แยกของใช้ส่วนตัวไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น และการทำความสะอาดสถานที่เป็นประจำ โดยเฉพาะตามจุดเสี่ยงแพร่เชื้อ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ เก้าอี้ ราวบันได

สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2552 ถึง 30 มิถุนายน 2552 ตามเวลาประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ใน 116 ประเทศ รวมผู้ป่วยทั้งสิ้น 70,893 ราย เสียชีวิต 311 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.44 ประเทศและอาณานิคมที่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายแรก ได้แก่ อิรัก ลิทัวเนีย โมนาโค และเนปาล

************************************** 30 มิถุนายน 2552

สธ.เฝ้าระวังหญิง21ปีอีกราย-ชายอายุ47ยังน่าห่วง - Influenza A(H1N1)

at 4:11 PM

โดย ไทยรัฐออนไลน์
30 มิถุนายน 2552, 15:25 น.

สธ. เฝ้าระวังหญิง 21 ปีอีกรายหลังพบป่วยด้วยอาการปอดบวม ส่งเชื้อตรวจทางห้องปฏิบัติการ "วิทยา" เผยเสียใจต่อการตายของผู้ป่วยทั้ง 3 ราย วอนหยุดวิจารณ์มาตรการ สธ...

วันนี้ (30 มิ.ย.) พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยถึงอาการของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี ว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาย อายุ 47 ปี มีอาการไข้ต่ำ ไอ ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. มาพบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ด้วยอาการไข้สูง 39 องศาเซลเซียส หลังจากรักษาโดยให้ยาโอเซลทามิเวียร์ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ป่วยมีอาการหอบมาก หายใจติดขัด ผลเอกซเรย์ปอดพบว่ามี ภาวะปอดบวม แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและนำเข้ารักษาในห้องไอซียู และเอกซเรย์ปอดอีกครั้งพบว่าปอดบวมมากขึ้น และค่าออกซิเจนในเลือดต่ำมาก จำเป็นต้องใช้เครื่องเร่งความดันในปอด และทำให้ออกซิเจนในเลือดปกติ
พญ.วารุนี กล่าวต่อว่า ขณะนี้คนไข้อาการดีขึ้น แต่ยังไม่น่าไว้วางใจแพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะไม่แน่นอนว่าอาจมีอาการแทรกซ้อนได้อีกหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มีประวัติการสูบบุหรี่และดื่มสุรามานานกว่า 20 ปีโดยไม่เคยตรวจสุขภาพเลย และจากการซักประวัติ ทราบว่าก่อนที่จะมีอาการป่วย ลูกชายของผู้ป่วยรายนี้ ป่วยเป็นไข้หวัดมาก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ซื้อยากินเอง จนอาการหายเป็นปกติ ไม่ได้มาพบแพทย์

ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ป่วยหญิงวัย 21 ปี ติดเชื้อจากภายในประเทศ อาการรุนแรงอีก 1 ราย โดยมีอาการปอดบวม มีไข้ แต่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้หากเกิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรง ทีมแพทย์ได้เตรียมการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดทุกราย ส่วนในรายที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ญาติไม่อนุญาตให้มีการนำเนื้อเยื้อตรวจพิสูจน์ศึกษาหาสาเหตุความรุนแรงของ โรค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมาก

ขณะที่นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้ง 3 รายว่า สธ.ไม่ได้ประมาทและไม่เคยประเมินโรคนี้ต่ำ มีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ ตั้งแต่การป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ แต่ถึงวันนี้ต้องยอมรับความเป็นจริง ว่าไม่สามารถใช้มาตรการสกัดกั้นโรคเหมือนกับโรคไข้หวัดนกได้ เพราะคนยังมีการไปมาหาสู่กันตลอดเวลา

"รู้สึกเสียใจต่อการเสีย ชีวิต ของผู้ป่วยทั้ง 3 ราย จากการประชุมหารือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของสธ.ทุกคนไม่มีความสุขเพราะทำงาน เฝ้าระวังโรคตลอด 2 เดือน ยื้ออย่างที่สุดแล้วกลับมีผู้เสียชีวิต และคงไม่มีใครสนุกที่ต้องลุ้นว่าจะมีคนตายอีกหรือไม่ ดังนั้น หากใครวิจารณ์อะไรขอให้คิดถึงหัวอกคนที่ทำงาน ไม่ใช่อยู่บนหอคอยงาช้างแล้วได้แต่ตำหนิ หากมีอะไรที่บกพร่องควรมีมาตรการที่ดีกว่านี้ขอให้เสนอมา" นายวิทยากล่าว

รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยว่า ขณะนี้สำนักระบาดวิทยาประเมินตัวเลขผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบว่าน่าจะมีตัวเลขของผู้ป่วยนอกระบบการตรวจรักษามากกว่านี้หลายเท่า เนื่องจากส่วนหนึ่งอาการไม่รุนแรงเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ก็หายได้เอง ทำให้บางรายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อย่างไรก็ตาม หากเป็นหวัดมีอาการไอ หรือจามควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันและล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

ป้องกันไข้หวัด2009ร้านเสริมสวย - Influenza A(H1N1)

at 3:14 PM

วันอังคาร ที่ 30 มิถุนายน 2552
เวลา 10:17 น

นายพิชัย พิชญเดชะ ผู้อำนวยการเขตสวนหลวง แจ้งว่า หลังจากเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก ที่ผ่านมาเขตฯ ได้ดำเนินการควบคุมพื้นที่การระบาดทั้งในโรงเรียน หรือแหล่งชุมนุมชนต่าง ๆ อย่างไรก็ตามยังมีสถานที่ที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีประชาชนเข้ามาใช้บริการมากแต่อาจจะถูกมองข้าม คือ สถานเสริมสวย เขตฯจึงมอบหมาย ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมฯ ตรวจสุขลักษณะร้านเสริมสวยทั่วพื้นที่เขต เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมให้คำ แนะนำในการป้องกันตนเองให้ห่างไกลโรคดังกล่าว เนื่องจากร้านเสริมสวยมีวัสดุอุปกรณ์จำนวนมากที่ใช้ร่วมกัน เช่น หวี ไดร์เป่าผม กิ๊บติดผม กรรไกรตัดผม และกรรไกรตัดเล็บมือ-เล็บเท้า เป็นต้น มีผู้รับบริการหลากหลายอาชีพ ฉะนั้น ผู้ประกอบการต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดบริเวณภายในร้านและวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ให้ถูกสุขลักษณะ.

ป่วยหวัด 2009 เพิ่มอีก 84 ราย - มี 1 รายที่ รพ.ราชวิถี อาการยังน่าห่วง - Influenza A(H1N1)

at 2:08 PM

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
30 มิถุนายน 2552 12:30 น.

ยอดป่วยหวัดใหญ่เพิ่มอีก 84 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 1,414 ราย รักษาหายแล้ว 1,387 ราย ผอ.ราชวิถีเผย ผู้ป่วยวัย 47 ปี แพทย์รอดูอาการใกล้ชิด กลัวโรคแทรกซ้อน ล่าสุดพบอีกรายเป็นหญิงวัย 21 ปี ติดเชื้ออาการรุนแรง

นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ (30 มิ.ย.) มีรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไขัหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มเติมอีก 84 ราย เป็นนักเรียน 61 ราย ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 1,414 ราย ในจำนวนนี้รักษาหายแล้ว 1,387 ราย มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 24 ราย โดยยังมีผู้ป่วยอาการน่าเป็นห่วง 1 ราย อายุ 47 ปี รักษาตัวอยู่ รพ.ราชวิถี สำหรับอาการล่าสุดยังน่าเป็นห่วง ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

นายมานิตกล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรค เป็นที่น่าสังเกตว่าจะพบผู้ป่วยในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น สถานศึกษา ค่ายทหาร สถานบันเทิง ได้เน้นให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. เร่งให้ความรู้ กระตุ้นเตือนให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกันตนเองเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ และป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่นเมื่อป่วยเป็นไข้หวัด โดยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ใช้ช้อนกลาง แยกของใช้ส่วนตัวไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น และการทำความสะอาดสถานที่เป็นประจำ โดยเฉพาะตามจุดเสี่ยงแพร่เชื้อ เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ เก้าอี้ ราวบันได

สำหรับ สถานการณ์ทั่วโลก องค์การอนามัยโลกรายงานตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2552 ถึง 30 มิถุนายน 2552 ตามเวลาประเทศไทย พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ใน 116 ประเทศ รวมผู้ป่วยทั้งสิ้น 70,893 ราย เสียชีวิต 311 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 0.44 ประเทศและอาณานิคมที่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายแรก ได้แก่ อิรัก ลิทัวเนีย โมนาโค และเนปาล

เผยชายวัย 47 ปี อาการดีขึ้น แต่ระวังโรคแทรกซ้อน
พญ.วารุณี จินารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี เปิดเผยถึงอาการของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่พักรักษาตัวอยู่ในรพ.ราชวิถี ว่า ผู้ป่วยรายนี้เป็นชาย อายุ 47 ปี มีอาการไข้ต่ำๆ ไอ ตั้งแต่วันที่ 24 มิ.ย. มาพบแพทย์ที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ด้วยอาการไข้สูง 39 องศาเซลเซียส โดยผู้ป่วยไอมาก หลังจากให้การรักษาโดยให้ยาโอเซลทามิเวียร์ทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้ป่วยมีอาการหอบมาก หายใจติดขัด ผลเอกซเรย์ปอดพบว่ามี ภาวะปอดบวม แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจและนำเข้ารักษาในห้องไอซียู และทำการเอกซเรย์ปอดอีกครั้งพบว่าปอดบวมมากขึ้น และค่าออกซิเจนในเลือดต่ำมาก จำเป็นต้องใช้เครื่องเร่งความดันในปอด และทำให้ออกซิเจนในเลือดปกติ

“ขณะ นี้คนไข้อาการดีขึ้น แต่ยังไม่น่าไว้วางใจแพทย์ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะไม่แน่นอนว่าอาจมีอาการแทรกซ้อนได้อีกหรือไม่ เนื่องจากผู้ป่วยรายนี้มีประวัติการสูบบุหรี่และดื่มสุรามานานกว่า 20 ปีโดยไม่เคยตรวจสุขภาพเลย และว่าจากการซักประวัติ ทราบว่าก่อนที่จะมีอาการป่วยลูกชายของผู้ป่วยรายนี้ ป่วยเป็นไข้หวัดมาก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ซื้อยากินเอง จนอาการหายเป็นปกติ ไม่ได้มาพบแพทย์”พญ.วารุณีกล่าว

สธ.พบหญิงวัย 21 ปี ติดเชื้ออาการรุนแรงอีกราย
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดสธ.กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ป่วยหญิงวัย 21 ปี ติดเชื้อจากภายในประเทศ อาการรุนแรงอีก 1 ราย โดยมีอาการปอดบวม มีไข้ แต่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจยืนยันจากห้องปฏิบัติการว่าเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้หากเกิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงทีมแพทย์ได้ เตรียมการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดทุกราย ส่วนในรายที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เนื่องจากญาติไม่อนุญาตให้มีการ นำเนื้อเยื้อตรวจพิสูจน์ศึกษาหาสาเหตุความรุนแรงของโรคซึ่งจะเป็นประโยชน์ ทางการแพทย์อย่างมาก

"วิทยา"ชี้ไม่เคยประเมิณโรคต่ำ ย้ำภูมิใจการรับมือ
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้ง 3 รายว่า สธ.ไม่ได้ประมาทและไม่เคยประเมินโรคนี้ต่ำ โดยมีการแจ้งเตือนเป็นระยะๆ ตั้งแต่การป้องกันการแพร่ระบาดในประเทศ ซึ่งการที่สธ.สามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคได้ประมาณ 1 เดือนเศษ ถือเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจกับการทำงาน ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อเริ่มมีผู้ที่หนีการคัดกรองของสธ.และมีผู้ติดเชื้อในประเทศรายแรก ก็บอกกับประชาชนว่ามีการเริ่มแพร่ในประเทศ มีการให้ความรู้ทั้งทางโทรทัศน์ เอกสารเผยแพร่ อบรมอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้ความรู้ป้องกันตัวเอง ส่วนความพร้อมในการรักษาก็พร้อมตั้งแต่สัปดาห์แรกที่เกิดการแพร่ระบาดของโรค ในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนก็หารือกับญี่ปุ่น เกาหลี ในเรื่องความร่วมมือด้านยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ แต่ถึงวันนี้ต้องยอมรับความเป็นจริง ว่าไม่สามารถใช้มาตรการสกัดกั้นโรคเหมือนกับโรคไข้หวัดนกได้ เพราะคนยังมีการไปมาหาสู่กันตลอดเววลา

“รู้สึก เสียใจต่อการเสียชีวิตของผู้ป่วยทั้ง 3 ราย จากการประชุมหารือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของสธ.ทุกคนไม่มีความสุขเพราะทำงาน เฝ้าระวังโรคตลอด 2 เดือน ยื้ออย่างที่สุดแล้วกลับมีผู้เสียชีวิต และคงไม่มีใครสนุกที่ต้องลุ้นว่าจะมีคนตายอีกหรือไม่ ดังนั้น หากใครวิจารณ์อะไรขอให้คิดถึงหัวอกคนที่ทำงาน ไม่ใช่อยู่บนหอคอยงาช้างแล้วได้แต่ตำหนิ หากมีอะไรที่บกพร่องควรมีมาตรการที่ดีกว่านี้ขอให้เสนอมา ทั้งนี้ สธ.ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านการรักษาไม่แบ่งแยกทั้งโรงพยาบาลรัฐและ เอกชนอยู่แล้ว”นายวิทยากล่าว

นายวิทยากล่าวต่อว่า ขณะนี้สำนักระบาดวิทยาประเมินตัวเลขผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบว่าน่าจะมีตัวเลขของผู้ป่วยนอกระบบการตรวจรักษามากกว่านี้หลายเท่า เนื่องจากส่วนหนึ่งอาการไม่รุนแรงเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ก็หายได้เอง ทำให้บางรายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่2009 อย่างไรก็ตามหากเป็นหวัดมีอาการไอ หรือจามควรใส่หน้ากากอนามัยป้องกันและล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

ผู้ติดเชื้อหวัด 2009 เพิ่มอีก 84 รายเป็น 1,114 - ไข้หวัดใหญ่ 2009

at 1:05 PM

วันที่ 30 มิถุนายน 2552 11:06
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สาธารณสุขระบุผู้ป่วยไข้หวัด 2009 เพิ่มอีก 84 ราย ทำยอดพุ่งเป็น 1,414 ราย แต่ยังคงยอดผู้เสียชีวิตที่ 3 ราย

นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยยอดผู้ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ล่าสุดว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 84 ราย ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมเป็น 1,414 รายแล้ว โดย 1,390 ราย หายดีแล้ว เหลือเพียง 24 ราย ที่ยังต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังคงที่อยู่ที่ 3 ราย

"ทางกระทรวงสาธารณสุขจะเพิ่มความเข้มข้นในมาตรการดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ ชิด หลังนายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงและมองว่าการเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพบผู้เสียชีวิตในประเทศเป็นเพราะการค้นหาที่ล่าช้า"

สธ. เผยมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มอีก 1 ราย ชี้อัตราตายไทยต่ำกว่าโลก - Influenza A(H1N1)

Monday, June 29, 2009 at 5:29 PM

กระทรวงสาธารณสุข เผยในวันนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีก 1 รายเป็นเพศชายอายุ 21 ปี เป็นรายที่ 3 ของประเทศ ยันมาตรฐานการรักษาของไทยอยู่ในระดับสากล เปรียบเทียบอัตราเสียชีวิตแล้ว ไทยยังต่ำกว่าโลก เสียชีวิตพันละ 2 คน ขณะที่โลกเสียชีวิตพันละ 4 คน

วันนี้ (29 มิถุนายน 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 21 ปี เริ่มป่วยวันที่ 17 มิถุนายน 2552 เสียชีวิตในเช้าวันนี้ จัดเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของประเทศ ส่วนในรายละเอียดนั้น จะให้กองทัพเรือแถลงต่อสื่อมวลชนต่อไป
โดยขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะส่งพวงหรีดไปเคารพศพและแสดงความเสียใจกับญาติ และศพวิศวกรที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ด้วย

นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน-29 มิถุนายน 2552 ทั้งหมด 1,330 คน หายป่วยแล้ว 1,309 คน ขณะนี้ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 18 คน และในวันนี้ได้รับรายงานผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม 41 คน เป็นนักเรียน 29 ราย ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน อยู่ระหว่างติดตามรายละเอียด 8 คน ได้สั่งการกำชับให้กรมการแพทย์จัดประชุมเรื่องมาตรการการรักษาผู้ป่วยในบ่าย วันนี้และจะขอให้คณะแพทย์จากทบวงมหาวิทยาลัย และผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต มาร่วมประชุม เพื่อจัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปให้การสนับสนุนโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 นอนรักษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อาการความรุนแรงของป่วยหลังติดเชื้อไข้หวัด2009 ขึ้นอยู่กับความต้านทานของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งไม่เท่ากัน ในเรื่องการรักษานั้น กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ระบบการดูแลตามมาตรฐานสากล ต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจทีมแพทย์พยาบาลทุกคนได้ให้การดูแลผู้ป่วย ทุกรายอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนล้วนตั้งใจดูแลให้ผู้ป่วยหายป่วย ไม่มีใครอยากให้เสียชีวิต

ทางด้านรศ. นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมการแพทย์ กล่าวว่า อัตราผู้เสียชีวิตหลังป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทย ขณะนี้มีพันละ 2 คน หมายถึงป่วยทุก 1000 คนจะเสียชีวิต 2 คน ซึ่งยังต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา มีพันละ 4 คน หมายถึงในผู้ป่วยทุก 1,000 คนจะเสียชีวิต 4 คน เมื่อประเมินสถานการณ์ทั่วโลก จากประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 109 ประเทศ จำนวนผู้ป่วย 59,814 คน มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 263 คน ใน 13 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโกเสียชีวิต 116 คนจากผู้ป่วย 8,279 คน สหรัฐอเมริกา 87 คนจากผู้ป่วย 21,449 คน แคนาดา 19 คนจากผู้ป่วย 6,732 คน อาร์เจนตินา 21 รายจากผู้ป่วย 1,391 คน ชิลี 7 รายจากผู้ป่วย 5,186 คน ออสเตรเลีย 3 คนจากผู้ป่วย 3,280 คน โคลัมเบีย 2 คนจากผู้ป่วย 72 คน กัวเตมาลา 2 คนจากผู้ป่วย 254 คน อังกฤษ 1 คนจากผู้ป่วย 3597 คน ฮอนดูรัส 1 คนจากผู้ป่วย 118 คน ฟิลิปปินส์ 1 คนจากผู้ป่วย 445 คน คอสตาริกา 1 คนจากผู้ป่วย 222 คน และไทยเสียชีวิต 3 คนจากผู้ป่วย 1,330 คน

นายแพทย์ทวี กล่าวต่อไปว่า โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัส เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ยาที่ใช้ขณะนี้คือโอเชลทามีเวียร์ เป็นยาที่จะลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสในร่างกายให้ลดลง อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก มีข้อแนะนำการใช้ยาต้านไวรัสดังกล่าว โดยใช้ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น มีปัญหาปอดอักเสบ ไข้สูง ตลอด2-3 วัน เหนื่อยหอบ เพลียมาก ซึ่งสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ แต่ในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาการจะทุเลาได้เอง แต่จะต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ คือไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายสร้างระบบภูมิต้านทานต่อเชื้อ โดยธรรมชาติ ให้งดสูบบุหรี่และงดเที่ยวกลางคืน งดดื่มสุรา แต่หากปฏิบัติแล้วไข้ยังสูง ภายใน 2-3 วันหลังป่วย หรือมีอาการไอมากขึ้น เหนื่อยหอบ เพลียมาก แสดงถึงอาจมีโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะปอดบวม ให้มาพบแพทย์ด่วน

กทม.ยันครูตายเพราะปอดติดเชื้อไม่ใช่หวัด2009 - Influenza A(H1N1)

at 5:06 PM

วันที่ 29 มิถุนายน 2552 10:38
โดย : คมชัดลึก

กทม. ยัน ครู ร.ร.ประชานิเวศน์มัธยม ตายจากปอดติดเชื้อ ไม่ใช่ หวัด 2009 “มาลินี” วอนปชช. - หน่วยงานราชการ แจ้งข้อมูลหวัด 2009 กับ กทม. เพื่อคุมการแพร่ระบาด ปูพรมล้างวัด-โบสถ์-มัสยิดก่อนเข้าพรรษา รับมือหวัด2009 ปชป.โต้รบ.ไม่ปกปิดยอดผู้ป่วยหวัดอัดพท.หวังผลการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีครูโรงเรียนประชานิเวศน์ ฝ่ายมัธยม สังกัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) เสียชีวิต โดยทางญาติคาดว่า จะเกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เนื่องจากโรงเรียนดังกล่าวมีเด็กนักเรียนติดเชื้อด้วยนั้น นางทยา ทีปสุวรรณ เปิดเผยว่าได้รับรายงานว่า หญิงคนดังกล่าวอายุ 35 ปี เสียชีวิตจากอาการปอดติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่อย่างใด

ทั้งนี้ หญิงคนดังกล่าว เป็นครูโรงเรียนประชานิเวศน์ฝ่ายมัธยม เข้ารักษาตัวตามแพทย์นัดเพื่อขูดมดลูก ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่แพทย์พบว่า มีอาการไอมาก จึงตรวจร่างกายเพิ่มพบว่า มีอาการปอดติดเชื้อ จึงให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี กระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ด้านนางกนกภรณ์ มีผลกิจ รองผู้อำนวยการโรงเรียนประชานิเวศน์ ฝ่ายมัธยม ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ยืนยันว่าครูคนดังกล่าว เสียชีวิตจากอาการปอดติดเชื้อ โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. มีอาการไอมากและได้ไปตรวจรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ของกทม. แพทย์ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 กระทั่งไปเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ครูคนดังกล่าวได้ไปพบแพทย์ที่รพ.รามาธิบดี ตามที่แพทย์นัดขูดมดลูก แต่พบว่ามีอาการไอมากจึงทำการรักษาอาการไอก่อน เพราะระบบหายใจขัดข้องต่อมาจึงทราบว่าเกิดการติดเชื้อที่ปอด และเสียชีวิตในที่สุด

ทั้งนี้ เบื้องต้นแพทย์ได้ผ่าศพในวันนี้( 29 มิ.ย.) เพื่อนำผลชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ว่าเกิดจากเชื้ออะไร ส่วนศพของครูคนดังกล่าว ญาติได้มาติดต่อรับศพไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.ชลบุรีแล้ว

“วันเดียวกันนี้ โรงเรียนเพิ่งเปิดเรียนเป็นวันแรกหลังจากพบเด็ก 1 คน ป่วยเป็นหวัดใหญ่ 2009 จำนวน 1 รายและสั่งหยุดทั้งโรงเรียน 1 สัปดาห์ ซึ่งเด็กคนดังกล่าวขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว แต่ครูยังไม่อนุญาตให้มาเรียน เนื่องจากแพทย์ยังให้หยุดเรียน 14 วันเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด"

ส่วนการเฝ้าระวังโรคทางโรงเรียนได้เดินตรวจแถวเด็กนักเรียนหน้าเสาธง เพื่อสอบถามอาการต้องสงสัยติดเชื้อ ซึ่งแม้เด็กที่ไปพบแพทย์มาแล้ว แต่หากยังมีอาการไข้ไอจาม ก็จะส่งกลับบ้านเพื่อไปรักษาตัวทันที พร้อมทั้งตรวจเช็ดทำความสะอาดสิ่งของอุปกรณ์ที่เด็กต้องสัมผัสและใช้ร่วมกัน อาทิ ราวบันได ถาดอาหาร เป็นต้น

วันเดียวกัน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯ กทม.ได้เข้าเยี่ยมอาการป่วยจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ของหญิงวัย 57 ปี ที่รักษาตัวอยู่ โรงพยาบาล ย่านฝั่งธนบุรี พร้อมเปิดเผยว่า อาการของคนไข้ดีขึ้นตามลำดับ ใช้เพียงเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เธอได้รับแจ้งจากเขตธนบุรีว่า โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี พบเด็กติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งขณะนี้กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ทีมสอบสวนโรคของ กทม.ลงพื้นที่โรงเรียนตั้งสงสัยมีการแพร่เชื้อของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างทันท่วงที

พญ.มาลินี กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แม้ว่าอาการของโรคจะไม่รุนแรง แต่ประชาชนต้องเฝ้าระวังป้องกันตัวเองและคนใกล้ชิด ทั้งนี้ หากหน่วยงานใดพบว่า มีอาการสงสัยว่า ติดเชื้อดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ หรืออย่าได้เกรงใจ ให้รีบแจ้งมาที่ กทม. เพื่อจะได้ส่งทีมแพทย์พยาบาลได้เข้าช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาอาการอย่างทันท่วงที และลดการเสียชีวิตด้วย

กทม.ปูพรมล้างวัด-โบสถ์-มัสยิดก่อนเข้าพรรษา รับมือหวัด2009

เมื่อ เวลา 10.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกทม. ฝ่ายสิ่งแวดล้อม ร่วมเปิดตัวกิจกรรม รวมใจภักดิ์ รักษ์สิ่งแวดล้อม ในการรณรงค์ทำความสะอาดศาสนถานทุกแห่งในพื้นที่กทม.ที่วัดกัลยาณมิตร วรมหาวิหาร เขตธนบุรี ทั้งนี้ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาสนสถานพื้นที่กทม. ได้แก่ วัดจำนวน 441 แห่ง มัสยิด จำนวน 175 แห่ง และโบสถ์คริสต์ จำนวน 70 แห่ง กทม. ได้ระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดของกทม.ทุกพื้นที่เขต กว่า 10 , 000 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการ และประชาชนในพื้นที่ ร่วมทำความสะอาดศาสนสถาน สถานที่อยู่อาศัย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเพื่อทำความสะอาดพื้นที่ก่อนถึงวันเข้าพรรษา วันที่ 8 ก.ค. นี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวกทม. จะทำไปจนถึงวันที่ 5 ก.ค. นี้

ส่วนสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่นั้น มรว.สุขุมพันธ์กล่าวว่า กทม.ได้ร่วมมือกับทางกระทรวงสาธารณะสุขอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ในต้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงตนทราบว่า สำนักอนามัย กทม. จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณะสุขในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวให้กับ ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง อาทิ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีความรุนแรงและทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้นคง ต้องพิจารณาฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่อยู่ในกลุ่มอาชีพเสี่ยงติดเชื้อ อาทิ คนขับแท็กซี่ คนขับรถโดยสารประจำทาง เป็นต้น

ปชป.โต้รบ.ไม่ปกปิดยอดผู้ป่วยหวัด2009 อัดพท.หวังผลการเมือง

น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พรรคเพื่อไทยออกมาประนามการแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่ารัฐบาลปกปิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ว่า ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ตั้งใจตั้งแต่แรก ที่จะเปิดเผยตัวเลขที่แท้จริงให้ประชานได้รับทราบอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อไม่ให้ตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ในขณะที่ต้องการให้ประชาชนรับทราบข้อเท็จจริง และตระหนักถึงวิธีการป้องกัน ซึ่งพูดมาตลอดว่า การป่วยและการเสียชีวิต ถือเป็นอุบัติการณ์ที่พบได้ และอยู่ตามเกณฑ์การเจ็บป่วยของไข้หวัดปกติ

“พรรคอยากตำหนิพรรคเพื่อไทยที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การทำงานของบุคลากรสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่ง 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้เป็นที่ปรึกษาทางด้านสาธารณสุขให้กับองค์กรอนามัยโลก อีกทั้งนักระบาดวิทยาและนักไวรัสวิทยา ของเมืองไทยนั้น เป็นที่ยอมรับของวงการสาธารณสุขนานาชาติ เพราะฉะนั้นไม่อยากให้ฝ่ายค้านนำการทำงานของข้าราชการประจำ ที่ทำงานเต็มความสามารถมาโจมตีเพียงเพื่อหวังอิงกระแสไข้หวัด 2009 โดยหวังผลทางการเมือง และขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องมากกว่าที่จะหวัง ผลทางการเมือง

ไทยตายแล้ว3 ล่าสุดทหารเรือ สังเวยไข้หวัด09 - Influenza A(H1N1)

at 2:10 PM

โดย ไทยรัฐออนไลน์
29 มิถุนายน 2552, 13:15 น.

กระทรวง สาธารณสุข เผยในวันนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีก 1 รายเป็นเพศชายอายุ 21 ปี เป็นรายที่ 3 ของประเทศ ยันมาตรฐานการรักษาของไทยอยู่ในระดับสากล เปรียบเทียบอัตราเสียชีวิตแล้ว ไทยยังต่ำ

วันนี้ (29 มิ.ย.) นายวิทยา แก้วภราดรัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 21 ปี เริ่มป่วยวันที่ 17 มิถุนายน 2552 เสียชีวิตในเช้าวันนี้ จัดเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของประเทศ ส่วนในรายละเอียดนั้น จะให้กองทัพเรือแถลงต่อสื่อมวลชนต่อไป โดย ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะส่งพวงหรีดไปเคารพศพและแสดงความเสียใจกับญาติ และศพวิศวกรที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ด้วย

นาย วิทยา กล่าวต่อว่า ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน-29 มิถุนายน 2552 ทั้งหมด 1,330 คน หายป่วยแล้ว 1,309 คน ขณะนี้ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 18 คน และในวันนี้ได้รับรายงานผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม 41 คน เป็นนักเรียน 29 ราย ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน อยู่ระหว่างติดตามรายละเอียด 8 คน ได้สั่งการกำชับให้กรมการแพทย์จัดประชุมเรื่องมาตรการการรักษาผู้ป่วยในบ่าย วันนี้และจะขอให้คณะแพทย์จากทบวงมหาวิทยาลัย และผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต มาร่วมประชุม เพื่อจัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปให้การสนับสนุนโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 นอนรักษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

นาย แพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อาการความรุนแรงของป่วยหลังติดเชื้อไข้หวัด2009 ขึ้นอยู่กับความต้านทานของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งไม่เท่ากัน เรื่องการรักษากระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ระบบการดูแลตามมาตรฐานสากล ต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจทีมแพทย์พยาบาลทุกคนได้ให้การดูแลผู้ป่วย ทุกรายอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนล้วนตั้งใจดูแลให้ผู้ป่วยหายป่วย ไม่มีใครอยากให้เสียชีวิต

ด้าน รศ. นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมการแพทย์ กล่าวว่า อัตราผู้เสียชีวิตหลังป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทย ขณะนี้มีพันละ 2 คน หมายถึงป่วยทุก 1000 คนจะเสียชีวิต 2 คน ซึ่งยังต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา มีพันละ 4 คน หมายถึงในผู้ป่วยทุก 1,000 คนจะเสียชีวิต 4 คน เมื่อประเมินสถานการณ์ทั่วโลก จากประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 109 ประเทศ จำนวนผู้ป่วย 59,814 คน มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 263 คน ใน 13 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโกเสียชีวิต 116 คนจากผู้ป่วย 8,279 คน สหรัฐอเมริกา 87 คนจากผู้ป่วย 21,449 คน แคนาดา 19 คนจากผู้ป่วย 6,732 คน อาร์เจนตินา 21 รายจากผู้ป่วย 1,391 คน ชิลี 7 รายจากผู้ป่วย 5,186 คน ออสเตรเลีย 3 คนจากผู้ป่วย 3,280 คน โคลัมเบีย 2 คนจากผู้ป่วย 72 คน กัวเตมาลา 2 คนจากผู้ป่วย 254 คน อังกฤษ 1 คนจากผู้ป่วย 3597 คน ฮอนดูรัส 1 คนจากผู้ป่วย 118 คน ฟิลิปปินส์ 1 คนจากผู้ป่วย 445 คน คอสตาริกา 1 คนจากผู้ป่วย 222 คน และไทยเสียชีวิต 3 คนจากผู้ป่วย 1,330 คน

นาย แพทย์ทวี กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัส เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ยาที่ใช้ขณะนี้คือโอเชลทามีเวียร์ เป็นยาที่จะลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสในร่างกายให้ลดลง อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก มีข้อแนะนำการใช้ยาต้านไวรัสดังกล่าว โดยใช้ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น มีปัญหาปอดอักเสบ ไข้สูง ตลอด2-3 วัน เหนื่อยหอบ เพลียมาก ซึ่งสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ แต่ในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาการจะทุเลาได้เอง แต่จะต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ คือไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายสร้างระบบภูมิต้านทานต่อเชื้อ โดยธรรมชาติ ให้งดสูบบุหรี่และงดเที่ยวกลางคืน งดดื่มสุรา แต่หากปฏิบัติแล้วไข้ยังสูง ภายใน 2-3 วันหลังป่วย หรือมีอาการไอมากขึ้น เหนื่อยหอบ เพลียมาก แสดงถึงอาจมีโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะปอดบวม ให้มาพบแพทย์ด่วน

ล่า สุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ล่าสุดมีคนไทยผู้เสียชีวิต 3 รายว่า ตนกำลังสอบถามกรณีที่เสียชีวิตทุกกรณีแล้วว่ามีปัจจัยอะไรเกี่ยวข้องบ้าง แต่ตนพยายามย้ำคือ 1.ทุกคนที่มีอาการต้องรีบไปหาหมอเพราะถ้าเป็นไปข้ 3-4 วันแล้วการรักษาจะยากกว่า 2.กลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวหรือกรณีที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ และ3.กำลังตรวจสอบว่าการทดสอบว่าเป็นหวัดสายพันธุ์2009 หรือไม่นั้นทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์อาจจะมีผลทำให้การวินิจฉัยและการให้ยาไม่ ตรง อย่างไรก็ตามทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้แนวปฏิบัติกับโรงพยาบาลทุกโรง พยาบาลคงจำเป็นต้องเชื่อมโยงให้กระชับมากขึ้น และต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์แนวปฏิบัติต่างๆต้องทำให้หนักขึ้น

“ ขณะนี้โดยเฉลี่ยจากรายงานวันหนึ่งเพิ่มมาประมาณ 80-90 ราย การไล่ตามตรวจอาจจะเป็นไปได้ที่ไม่ทั่วถึง และหลายประเทศที่ตัวเลขคนติดเชื้อเข้าสู่แบบที่เราเป็นอยู่ ก็จะเจอแบบเดียวกัน บางประเทศก็เลิกติดตามด้วยซ้ำเพราะถือว่าเป็นโรคธรรมดา เพราะอัตราการเสียชีวิตใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่ตามปกติ แต่เนื่องจากหวัด 2009 คนยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ต้องย้ำว่าใครมีอาการขอให้รีบไปรับการรักษาจากหมอ แต่นโยบายของรัฐบาลเรายังไม่เลิกติดตามสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

หวัด 2009 ลาม! ทหารเรือตาย 1 - Influenza A(H1N1)

at 1:18 PM

วันจันทร์ ที่ 29 มิถุนายน 2552
เวลา 11:48 น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 มิ.ย.) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นทหารเรือคนใหม่ของฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าผู้ตายอาจมีโรคแทรกซ้อนอื่นจนอาจเป็นสาเหตุ ให้เสียชีวิต

สรุปยอดผู้ป่วยวันนี้เพิ่มอีก 41 ราย รวมสะสม 1,330 ราย หายแล้ว 1,309 ราย นอน รพ.18 ราย เสียชีวิต 3 ราย.

วิทยาอัดฝ่ายค้านอย่าใช้หวัด09โจมตีการเมือง - Influenza A(H1N1)

at 1:02 PM

วันที่ 29 มิถุนายน 2552 10:38
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"วิทยา"บอกฝ่ายค้านอย่าใช้ไข้หวัด 2009 เป็นประเด็นโจมตีทางการเมือง ยันกระทรวงสาธารณสุขพยายามป้องกันเต็มที่ ไม่เคยบอกจะไม่มีผู้เสียชีวิต

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการที่มีนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามบางราย พยายามโจมตีมาตรการป้องกันและรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของรัฐบาล ว่า ประสบความล้มเหลว และเรียกร้องให้ตนเองแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกนั้น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ยืนยันว่า จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าว แต่จะพยายามป้องกัน และรักษาให้ดีที่สุด จึงขอร้องว่าอย่าฉวยโอกาสนำเรื่องสุขภาพของประชาชนมาเป็นประเด็นทางการเมือง

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะยังคงใช้มาตรการเฝ้าระวังป้องกัน และรักษาผู้ป่วยในรูปแบบเดิม ที่ผ่านมาได้ผลเป็นอย่างดี กรณีที่มีข่าวว่าอาจตัดสินใจกลับไปใช้ยาต้านไวรัสกับผู้ป่วยในทุกรายนั้น ตนเองยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้

ข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข, ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 [Influenza A(H1N1)]

Saturday, June 27, 2009 at 8:28 PM

กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 สองรายแรก เตือนประชาชนไม่ต้องตกใจส่วนใหญ่ร้อยละ 90 อาการไม่รุนแรง หายได้เอง แนะประชาชนที่มีโรคประจำตัวหากป่วยเป็นไข้หวัดให้รีบไปพบแพทย์

วันนี้ (27 มิถุนายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ รศ.(พิเศษ) นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ กรมการแพทย์ นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค และนายแพทย์เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันแถลงข่าว ในวันนี้ สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯว่า มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นหญิงอายุ 40 ปี มีหัวใจพิการแต่กำเนิด ได้รับการผ่าตัดเมื่ออายุ 12 ปี เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2552 มีอาการคล้ายไข้หวัด มีน้ำมูก ไอ หลังจากนั้น 7 วันซึ่งเป็นวันที่ 14 มิถุนายน 2552 เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล ด้วยอาการมีไข้สูง หอบเหนื่อย มีภาวะปอดบวม ได้รับยาโอเซลทามิเวียร์ จนครบ 5 วันในวันที่ 19 มิถุนายน 2552 ต่อมาในวันที่ 20 มิถุนายน 2552 ผู้ป่วยมีอาการทรุดลง และเสียชีวิต

รายที่ 2 เป็นผู้ป่วยชายอายุ 42 ปี เริ่มป่วยวันที่ 18 มิถุนายน 2552 อาการมีไข้ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลวันที่ 23 มิถุนายน 2552 ด้วยอาการไข้สูง เหนื่อย ไอมาก มีภาวะปอดบวม ได้รับยาโอลเซลทามิเวียร์ ต่อมาในวันที่ 26 มิถุนายน 2552 ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงและเสียชีวิตในวันนี้

นายวิทยา กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเดินทางไปกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนว่า มีความเป็นห่วงประชาชนเป็นอย่างมาก หากมีอาการไข้หวัด รักษาอยู่ที่บ้าน 2-3 วันแล้วไม่ดีขึ้น ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที

ตั้งแต่เมษายน 2552 ถึงวันนี้ ไทยมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช1เอ็น1 รวม 1,209 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,191 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวในโรงพยาบาล 16 ราย จากการดูแลผู้ป่วยทั้งหมดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 สามารถหายได้เอง และมีอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่มีผู้เสียชีวิตปีละ 30–40 ราย ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ

สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ฯลฯ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ผู้สูงอายุ เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี หญิงตั้งครรภ์ หากป่วยเป็นไข้หวัดควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค ส่วนในผู้ป่วยที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและมีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูง รับประทานอาหารได้ ไม่อ่อนเพลีย แนะนำให้พักผ่อนที่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นและหายได้เองภายใน 5–7 วัน แต่หากภายใน 3 วันอาการไม่ดีขึ้น เช่น ไข้สูงขึ้น ไอมาก หายใจเร็วเหนื่อย อาเจียน ซึม ให้รีบไปพบแพทย์ สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้ดูแลตนเอง ไม่แคะจมูก ไม่ขยี้ตา หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล ใช้ช้อนกลาง ไม่ใช้แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดมือร่วมกัน พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-590-1994 และ 02-590-3333 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะเปิดสายด่วนบริการข้อมูลเพิ่มอีกทางหมายเลข 1330 (สป.สช.) 20 คู่สาย ในวันจันทร์นี้

**************** 27 มิถุนายน 2552

สธ.แถลงผู้ป่วยหวัด 2009 หญิงวัย 40 และชายวัย 42 เสียชีวิต รวมไทยตายแล้ว 2 ราย - ไข้หวัดใหญ่ 2009 [Influenza A(H1N1)]

at 12:37 PM

สธ.แถลงผู้ป่วยหวัด 2009 ในไทยเสียชีวิตแล้ว 2 ราย หญิงวัย 40 ปี และชายวัย 42 ปี โดยขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั้งหมด 1,209 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,190 ราย และมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย (สำหรับรายละเอียดการแถลงณ์ข่าว “ASTV ผู้จัดการออนไลน์” จะติดตามมานำเสนอต่อไป)...
Credit: Manager.co.th
(http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072772)
สธ.แถลงผู้ป่วยหวัด 2009 หญิงวัย 40 และชายวัย 42 เสียชีวิต รวมไทยตายแล้ว 2 ราย - ข่าวสุขภาพ [Health News], ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 [Influenza A(H1N1)]
Credit: Manager.co.th
(http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072772)
สธ.แถลงผู้ป่วยหวัด 2009 ในไทยเสียชีวิตแล้ว 2 ราย หญิงวัย 40 ปี และชายวัย 42 ปี โดยขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั้งหมด 1,209 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,190 ราย และมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย (สำหรับรายละเอียดการแถลงณ์ข่าว “ASTV ผู้จัดการออนไลน์” จะติดตามมานำเสนอต่อไป)...
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
27 มิถุนายน 2552 12:14 น.

สธ.แถลงผู้ป่วยหวัด 2009 ในไทยเสียชีวิตแล้ว 2 ราย หญิงวัย 40 ปี และชายวัย 42 ปี โดยขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั้งหมด 1,209 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,190 ราย และมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย

เมื่อเวลา ประมาณ 11.30 น.นายวิทยา ภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สธ. ได้ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด A H1N1 วันนี้(27 เม.ย.) โดยนายวิทยา กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ยืนยันทั้งหมด 1,209 ราย ในจำนวนนี้หายเป็นปกติแล้ว 1,190 ราย มีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 16 ราย ซึ่งจากการติดตามดูอาการพบว่าผู้ป่วยร้อยละ 90 สามารถหายได้เอง มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ ซึ่งตามปกติมีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลถึง 30-40 ราย อย่างไรก็ตาม จากการติดตามพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยสำนักระบาดวิทยา สธ. มีรายงาน ว่ามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 รายแรกเป็นหญิงอายุ 40 ปี

น.พ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สธ.ได้รับรายงานแจ้งจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ว่ามีผู้ป่วยเพศหญิง 40 ปีซึ่งเข้ารับการรักษาตัวโดยแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้เหวัด 2009 เสียชีวิตลง โดย ผู้ป่วยเข้ารักษาตัววันแรกที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. และ ในวันที่ 13 มิ.ย. ผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย และมีไข้ ซึ่งจากการตรวจรักษาของแพทย์ พบว่าผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 และมีอาการแทรกซ้อน และได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลจึงได้แจ้งให้ สธ.ทราบ

ด้าน น.พ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เมื่อ เวลา 9.00 น.มีรายงานเข้ามาว่า มีผู้ป่วยในโรงพยาบาลเอกชนที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นชายวัย 42 ปี ซึ่งติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เสียชีวิตอีกราย โดยผู้เสียชีวิตรายนี้ เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. และมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดมาพบแพทย์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. จากนั้นได้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้านระหว่างวันที่ 20-22 มิ.ย. และกลับมาพบแพทย์อีกครั้งเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ด้วยอาการเหนื่อยง่าย ไอเป็นเลือด ซึ่งจากการเอกซเรย์พบว่าปอดบวม แพทย์จึงได้รับตัวไว้รักษา ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. อาการเลวลง โดยแพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่อาการทรุดลงเรื่อยๆ กระทั่งเมื่อวานนี้(26 มิ.ย.)กรมการแพทย์ได้รับทราบว่าผู้ป่วยมีอาการหนักมากขึ้น ทาง สธ.จึงได้ส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินหายใจเข้าไปช่วยเหลือ แต่ผู้ป่วยอาการหนักมาก และพบว่าหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น ซึ่งแพทย์ได้ให้การช่วยเหลือ จนหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง แต่เมื่อเช้าผู้ป่วยอาการทรุดลงอีก และเสียชีวิตลงในเวลา 9.00 น.ในที่สุด ทำให้ขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากไข้หวัด 2009 แล้ว 2 ราย

สำหรับรายละเอียดการแถลงณ์ข่าว “ASTV ผู้จัดการออนไลน์” จะติดตามมานำเสนอต่อไป

(http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072772)

ปลัดสธ.ยันไทยมีผู้เสียชีวิตจากหวัด2009 - ไข้หวัดใหญ่ 2009 [Influenza A(H1N1)]

at 12:27 PM

โดย คมชัดลึก
วันที่ 27 มิถุนายน 2552

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยัน มีผู้เสียชีวิตจากหวัด 2009 รายแรกในไทย เนื่องจากมีภาวะโรคแทรกซ้อน

(27มิ.ย.) น.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยหญิงอายุ 47 ปี ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เสียชีวิตเมื่อคืนนี้ ถือเป็นผู้ป่วยรายแรกในประเทศไทยที่เสียชีวิตยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตว่า ไม่ได้เกิดการเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 รุนแรงขึ้น

แต่เกิดจากภาวะโรคแทรกซ้อน เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นโรคหัวใจมาก่อนแล้ว เมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 จึงทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อน และปอดอักเสบ

สธ.แถลงหวัด09ตายแล้ว2หญิงกทม.ชายชลฯ - Influenza A(H1N1)

at 9:45 AM

โดย ไอเอ็นเอ็น
27 มิถุนายน 2552 07:37:35

กระทรวงสาธารณสุข แถลงหวัด2009ตายแล้ว2หญิงกทม.1ชายชลบุรี1ปอดบวมไอเป็นเลือดแทรกซ้อน ขณะมีผู้ติดเชื้อยอดรวม1,209 รายแล้ว

องค์การ อนามัยโลก หรือ WHO รายงาน ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด A H1N1 ปรับปรุงครั้งที่ 54 ที่ลามไปทั่วโลกในขณะนี้ พุ่งสูงเป็น จำนวน 59,814 ราย ใน 112 ประเทศ และมีผู้เสียชีวิต 263 ราย
ซึ่งประเทศ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ สหรัฐ จำนวน 21,449 ราย รองลงมาคือ เม็กซิโก 8,279 ราย แคนาดา 6,732 ราย ชิลี 5,186 ราย สหราชอาณาจักร 3,597 ราย ออสเตรเลีย 3,280 ราย อาร์เจนตินา 1,391 ราย
จีน 1,089 ราย ญี่ปุ่น 1,049 ราย สเปน 541 ราย

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อในไทย ที่องค์การอนามัยโลก ยืนยันแล้ว จำนวน 774 ราย ด้านยอดผู้เสียชีวิต จากการยืนยันขององค์การอนามัยโลก ได้แก่ เม็กซิโก 116 ราย สหรัฐอยู่ที่ยอดเดิมที่ 87 ราย อาร์เจนตินา 21 ราย แคนาดา 19 ราย ชิลี 7 ราย ออสเตรเลีย 3 ราย ส่วนโคลัมเบีย โดมินิกัน และกัวเตมาลา 2 ราย และคอสตาริก้า สหราชอาณาจักร ออนดูลัส ฟิลิปปินส์ ประเทศละ 1 ราย

โดยยอดผู้ติดเชื้อในไทยที่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข มีทั้งสิ้น 1,130 ราย หายแล้ว 1110 ราย และ 22 รายกำลังได้รับการรักษา โดยมี 2 ราย อาการน่าเป็นห่วง

ด้านตัวเลขผู้เสียชีวิต ที่มีรายงาน จากสำนักข่าวต่างประเทศ รวมแล้ว 15 ประเทศ โดย มาเลเซีย ตูนิเซีย เป็นประเทศล่าสุดที่พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส AH1N1 ส่วนประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายแรก ที่ยังไม่ได้มีการยืนยัน จากองค์การอนามัยโลก ได้แก่ โครเอเชีย และล่าสุด ที่ อิรักพบรวดเดียว 6 ราย ซึ่งรวมอย่างไม่เป็นทางการ มีผู้ติดเชื้อแล้วในขณะนี้ 114 ประเทศทั่วโลก.


ล่าสุด นพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวยอมรับ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้ว 1 ราย ในประเทศไทย ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ เป็นหญิง โดยในวันนี้ เวลา 11.00 น.นาย วิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข จะมีการแถลงข่าว รายละเอียดให้ทราบอีกครั้ง ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับผู้ตาย ตนเองยังไม่ทราบ เนื่องจากศูนย์วอร์รูมไข้หวัดใหญ่ ได้รายงานตรงต่อรัฐมนตรี สำหรับผู้ป่วยอีกราย ซึ่งเป็นชาย อายุ 42 ปี อาชีพวิศวกร ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นั้น ล่าสุด อาการยังน่าเป็นห่วง ยังไม่พ้นขีดอันตราย ผู้ป่วยยังอยู่ในห้อง ICU ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งกระทรวงสาธารณะสุข ได้ส่งทีมแพทย์ เข้าไปช่วยรักษาดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ ส่วนหญิงอายุ 57 ปี ที่รักษาตัว อยู่ที่โรงพยาบาลเอกชน ย่านธนบุรี ล่าสุด อาการดีขึ้นแล้ว สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง คาดว่า พักรักษาตัวอีกสักระยะก็สามารถออกจากโรงพยบาลได้

อย่างไรก็ดี เมื่อมีการสอบถามไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณะสุข เปิดเผยว่า จะมีการแถลงข่าวในเรื่องดังกล่าวจริง ส่วนรายละเอียด เกี่ยวกับผู้เสียชวิต นั้น หลังจากมีการประชุมจะมีชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง


ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข แถลงไทยพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิด A H1N1 จำนวน 2 ราย เป็นหญิงกทม.1ราย และชาย ในจังหวัด ชลบุรีอีก 1 ราย ซึ่งมีอาการปอดบวม ไอเป็นเลือด แทรกซ้อน ขณะมีผู้ติดเชื้อยอดรวม1,209 รายแล้ว

“วิทยา” เผยยอดผู้ป่วยสะสมหวัด 2009 ล่าสุด 1,132 ราย ผู้ป่วยหนัก 2 รายดีขึ้นแล้ว - ไข้หวัดใหญ่ 2009

Friday, June 26, 2009 at 7:14 PM

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 มิถุนายน 2552 16:38 น.

สธ.เผยป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่ม 78 ราย รวมยอดสะสม 1,132 ราย รักษาหายกลับบ้าน เหลือนอนรพ.อีก 22 ราย มีอาการรุนแรง 2 ราย ปอดอักเสบ อยู่ไอซียู ทั้งคู่ ห่วง ชาย วิศวกร วัย 42 ปี ป่วยหลังกลับจากโรมาเนีย ออสเตรีย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนหญิงวัย 57 ปี อาการดีขึ้น หายใจได้เอง

วันที่ 26 มิถุนายน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สธ. ได้ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 78 ราย แบ่งเป็น นักเรียน 71 ราย ผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศ 5 ราย และผู้ป่วยรายใหม่ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด 2 ราย รวมยอดสะสมทั้งหมด 1,132 ราย จาก 34 จังหวัด โดยได้รับการรักษาจนหายป่วยแล้ว 1,110 ราย และยังนอนรักษาที่โรงพยาบาล 22 ราย ทั้งนี้ มีผู้ป่วยอยู่ในข่ายเฝ้าระวังและรอผลยืนยันจากห้องปฏิบัติการอีก 1,472 ราย

“ยังเป็นห่วงการแพร่ระบาดในเด็กนักเรียน เพราะยังมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะรณรงค์ให้ความรู้มากขึ้น โดยขอความร่วมมือโรงเรียนให้ใช้มาตรการแยกเด็กที่ป่วย ให้หยุดเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติ เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดในโรงเรียน ส่วนโรงเรียนชุมพลทหารเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับรายงานว่า มีอาการดีขึ้นออกจากห้องไอซียูแล้ว” นายวิทยา กล่าว

ด้านนพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยที่นอนพักโรงพยาบาลทั้ง 22 ราย ในจำนวนนี้มีรายที่อาการรุนแรง 2 ราย ซึ่งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด คือ หญิงอายุ 57 ปี รักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ย่านธนบุรี ล่าสุดอาการดีขึ้นตามลำดับ สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง อาการปอดอักเสบ และหลอดลมฉีกขาดเริ่มดีขึ้น ส่วนอีกราย เป็นชาย อายุ 42 ปี อาชีพวิศวกร เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยรายนี้ป่วยหลังจากเดินทางกลับจากประเทศโรมาเนีย และกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เข้าปพบแพทย์ตั้งแค่วันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา ล่าสุด อาการยังทรงตัว พักในห้องไอซียู มีการติดเชื้อที่ปอด ทำให้ปอดอักเสบ ไข้ยังสูง หายใจหอบแรง เบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ส่วนนักเรียนทหารเรือ ไม่น่าห่วง อาการดีขึ้นแล้ว

สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 องค์การอนามัยโลก รายงานว่า มีผู้ป่วยรายงานอย่างเป็นทางการจำนวน 55,867 ราย จาก 108 ประเทศ เสียชีวิต 238 ราย ได้แก่ เม็กซิโก 115 ราย สหรัฐ 87 ราย แคนาดา 15 ราย อาร์เจนตินา 7 ราย ชิลี 4 ราย โคลัมเบีย 2 ราย สาธารณรัฐโดมินิกัน 2 ราย ออสเตรเลีย 2 ราย คอสตาริกา กัวเตมาลา อังกฤษ และฟิลิปปินส์ ประเทศละ 1 ราย โดยพบประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยยืนยันรายแรก ดังนี้ แอนติกาและบาร์บูดา กัมพูชา เคปเวิร์ด โกตติวัวร์ เอธิโอเปีย ลัตเวีย มอนเตเนโกร ตูนิเซีย วานูอาตู

ยอดผู้ป่วยหวัดเพิ่มเป็น1,132รายแต่หายดีหมด - ไข้หวัดใหญ่ 2009 [Influenza A(H1N1)]

at 3:02 PM

สธ.เผยยอดผู้ป่วยหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 78 รายวันนี้ แต่หายดีหมดแล้ว เหลือเพียง 22 ราย ที่อยู่ รพ. ด้านพลทหารฝึกใหม่และผู้ป่วยอาการหนักทั้ง 2 ราย อาการดีขึ้น วันนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า...
Credit: Thairath.co.th
(http://www.thairath.co.th/content/special/15515)
ยอดผู้ป่วยหวัดเพิ่มเป็น1,132รายแต่หายดีหมด - ข่าวสุขภาพ [Health News], ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 [Influenza A(H1N1)]
Credit: Thairath.co.th
(http://www.thairath.co.th/content/special/15515)
สธ.เผยยอดผู้ป่วยหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 78 รายวันนี้ แต่หายดีหมดแล้ว เหลือเพียง 22 ราย ที่อยู่ รพ. ด้านพลทหารฝึกใหม่และผู้ป่วยอาการหนักทั้ง 2 ราย อาการดีขึ้น วันนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า...
โดย ไทยรัฐออนไลน์
26 มิถุนายน 2552, 13:03 น.

สธ.เผยยอดผู้ป่วยหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 78 รายวันนี้ แต่หายดีหมดแล้ว เหลือเพียง 22 ราย ที่อยู่ รพ. ด้านพลทหารฝึกใหม่และผู้ป่วยอาการหนักทั้ง 2 ราย อาการดีขึ้น..

วันนี้ (26 มิ.ย.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ขึ้นทะเบียนผู้ป่วยยืนยันป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 78 ราย ทำให้ไทยมียอดผู้ป่วยสะสมรวม 1,132 ราย แต่ทั้งหมดหายดีและกลับบ้านหมดแล้ว เหลือเพียง 22 รายที่ยังต้องรอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล

ในส่วนของพลทหารที่รอดูอาการ เมื่อวานนี้ 200 คนนั้น รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ได้รับรายงานแล้วว่าอาการดีขึ้นทั้งหมด ไม่มีอาการน่าเป็นห่วง ส่วนผู้ป่วยทั้งหญิงวัย 57 ปี และพลทหารฝึกใหม่ ที่สัตหีบที่มีอาการรุนแรง จากโรคแทรกซ้อนนั้น แพทย์รายงานว่า ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ สำหรับการควบคุมการระบาดในพื้นที่ค่ายทหารขณะนี้กระทรวงฯ สามารถคลายกังวลลงได้แล้ว เพราะกระทรวงกลาโหมได้รับไปดูแลแล้ว จึงทำให้ไม่ห่วง แม้พื้นที่ค่ายทหารจะมีลักษณะที่เหมาะต่อการกระจายของเชื้อ เนื่องจากมีคนอยู่รวมกันอย่างใกล้ชิดจำนวนมาก แต่การที่ทหารมีวินัยดี จึงไม่น่าห่วง

(http://www.thairath.co.th/content/special/15515)

สธ.เผยคนไทยติดเชื้อหวัด2009 อีก 78 ราย - ไข้หวัดใหญ่ 2009

at 1:10 PM

วันที่ 26 มิถุนายน 2552 11:41
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สาธารณสุขเผยคนไทยติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 78 ราย ยอดรวมเพิ่มเป็น 1,132 ราย

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้ (26 มิ.ย.) กระทรวงสาธารณสุขขึ้นทะเบียนผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในประเทศไทยเพิ่มอีก 78 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.-26 มิ.ย.52 เพิ่มเป็น 1,132 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่รักษาตัวจนอาการหายเป็นปกติแล้ว 1,110 ราย

ขณะนี้เหลือผู้ป่วยที่นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียง 22 ราย ในจำนวนนี้มี 2 รายที่มีอาการหนักคือหญิงวัย 57 ปี และนักเรียนจากโรงเรียนชุมพลทหารเรือ

สำหรับหญิงวัย 57 ปี ได้ทดลองถอดเครื่องช่วยหายใจเพื่อให้หายใจได้เอง 100% ผลออกมาดี แนวโน้มว่าวันนี้จะไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอีก ส่วนนักเรียนโรงเรียนชุมพลทหารเรือขณะนี้อาการปลอดภัยออกจากห้องไอซียูมา อยู่ห้องพักฟื้นแล้ว

น้องเบนซ์เพลงสู้โว้ยผวาติดเชื้อหวัด2009 - Influenza A(H1N1)

at 9:06 AM

วันศุกร์ ที่ 26 มิถุนายน 2552 เวลา 8:32 น

“สตม.” เต้นหาม ผู้ต้องขังชาวคองโก ส่งรพ. ตรวจ หลัง ไข้สูงอาการทรุด ผวาติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ พร้อมแยกอีก 30 ราย เฝ้าระวัง เตรียมส่งกลับ 500 ต่างด้าว กลับประเทศบ้านเกิดทันที สกัดแพร่ระบาด “สธ.” เผย “คนอ้วน” เสี่ยงตาย จากหวัดใหญ่พันธุ์ใหม่ “ฮู” เตรียมออกไกด์ไลน์ การให้ยาต้านไวรัส เฉพาะกลุ่มเสี่ยงเท่านั้น พบผู้ป่วยอีก 69 ราย ทำยอดพุงไม่หยุดทะลุหลักพันแล้ว แต่รักษาหายเกือบหมด เหลือนอน รพ.17 ราย ด้านสาวใหญ่วัย 57 ปี อาการดีวันดีคืน แต่พล มะโหนกลูกประดู่ 1 ราย อาการยังหนักปอดติดเชื้อต้องนอนไอซียู ชี้อาจสั่งญาติงดเยี่ยมทหารเกณฑ์ หวั่นเชื้อแพร่ระบาด “เซอร์เบีย”เข้ม นักกีฬา-โค้ช แข่งขันกีฬาม.โลกต้องแสดงใบตรวจสุขภาพว่าปลอดโรคจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่

จากกรณีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 แพร่ระบาดไปทุกทวีปทั่วโลก จนมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกแล้ว กว่า 52,160 รายใน 99 ประเทศ เสียชีวิต 231 ศพ โดยองค์การอนามัยโลก (ฮู) ต้องประกาศยกระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดขึ้นสู่ระดับ 6 ซึ่ง เป็นระดับสูงสุด ในรอบ 41 ปี ขณะที่ประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขประกาศขึ้นทะเบียน ผู้ป่วยทั่วประเทศแล้วถึง 985 ราย ใน 29 จังหวัด จนหลายฝ่ายต้องวางมาตรการป้องกันอย่างเข้ม งวด โดยล่าสุดเชื้อไวรัสแพร่ระบาดเข้าศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมีพลทหารใหม่ติดเชื้อแล้ว 7 นาย และอุณหภูมิร่างกายขึ้นสูง ต้องเฝ้าระวังกว่า 245 นาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้ต้องกักชาวคองโก ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในคดีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ในห้องกักตัวบุคคลต่างด้าว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ สตม. (สวนพลู) มีไข้สูง และอาการทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว ส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.ตำรวจ โดยผลการตรวจเบื้องต้นพบมีอาการคล้ายกับโรค ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จึงกักตัวไว้ดูอาการ ต่อมาได้มีการคัดแยกผู้ต้องกักต่างด้าวชาวกัมพูชา พม่า และลาว ที่อยู่ในห้องเดียวกันอีกราว 30 คน มาแยกไว้เพื่อเฝ้าดูอาการ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ประจำอยู่ที่สำนักงานฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำยาฆ่าเชื้อมาฉีดพ่นภายในห้องกักดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังทำหนังสือด่วนถึงผู้บังคับบัญชา เพื่อขอส่งตัวผู้ต้องกักต่างด้าว ประมาณ 500 คน ที่อยู่ในอาคารเดียวกัน กลับประเทศบ้านเกิดในคืนวันที่ 25 มิ.ย.นี้ เพราะเกรงจะเกิดการแพร่ระบาดหรือ ติดเชื้อ โดยมีการเตรียมรถขนผู้ต้องกักไว้ถึง 8 คัน

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้ว ภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 69 ราย เมื่อรวมกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้จำนวน 985 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 1,054 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,037 ราย ขณะนี้มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 17 รายเท่านั้น ทุกรายมีอาการดีขึ้น

ด้าน รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเดินทางไปร่วมประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดทำแนวทางการดูแลรักษาทางด้านยาสำหรับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ประชุมได้หารือ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ การรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้วยยาต้านไวรัสที่เหมาะสม และการรับมือปัญหาดื้อยาในอนาคต โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ฮู จะจัดทำแนวทางการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์รักษาผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คาดว่าจะออกมาในเร็ว ๆ นี้ โดยการให้ยาต้านไวรัสจะให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งมีร้อยละ 1-2 และในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ส่วนที่เหลือไม่จำเป็นต้องใช้ยา

“การใช้ยาต้านไวรัสต้องใช้อย่างสมเหตุ สมผลมากขึ้น โดยเริ่มต้นตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ผู้ป่วยอาการ รุนแรง คือ มีอาการปอดบวม ซึม หรือมีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ป่วยที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับการให้ยาในประเทศไทยที่เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนการรับมือเชื้อดื้อยานั้น ที่ประชุมก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก จะขอความร่วมมือให้ประเทศต่าง ๆ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของไวรัสในประเทศเป็นระยะ ๆ สำหรับคนที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่และมีอาการน้อย ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ และไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัส แต่แนะนำให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน หาก 3 วันไข้ไม่ลดจึงมาพบแพทย์” แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ระบุ

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางสหรัฐและอังกฤษไม่ได้ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่สนามบินแล้ว รวมทั้งการให้ผู้เดินทางกรอกประวัติในใบ ต.8 แต่จะเน้นที่การรักษาแทน และใน 1-2 สัปดาห์นี้ทางสหรัฐจะเลิกรายงานตัวเลขผู้ป่วย ส่วนกรณีที่มีการระบาดในเม็กซิโก แล้วมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก พบว่า มีปัจจัยมาจากคนไข้ไปพบแพทย์ช้า มีร่างกายแตกต่างจากคนอื่น ๆ คือ เป็นโรคอ้วน ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงกว่าคนร่างกายปกติ ดังนั้นคงต้องมีการพิจารณาต่อไปว่า ในคนที่เป็น โรคอ้วน มีน้ำหนักมากกว่าคนปกติเป็น 2 เท่า จำเป็นหรือไม่ที่จะให้ยาต้านไวรัสแก่คนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่เสียชีวิตทั่วโลกนั้น พบว่ากว่า 60% มีโรคประจำตัว ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอ โดยเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน แต่เมื่อมีโรคประจำตัว ภูมิต้านทานต่ำ เชื้อไวรัสจะลงไปที่ปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวม

นอกจากนี้นิตยสารนิวยอร์กไทม์ ฉบับวันที่ 24 มิ.ย. มีการระบุว่า เชื้อตัวนี้มีแหล่งกำเนิดจากเอเชีย เหตุผลคือ มีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อดูยีนของไวรัสแล้วพบว่า เหมือนกับเชื้อที่แยกได้ในหมูของเอเชียเมื่อปี ค.ศ. 2004 อย่างไรก็ตามทางเอเชียคงจะมีการตอบโต้ในประเด็นนี้ต่อไป

ส่วน นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรม การแพทย์ กล่าวถึงอาการของหญิงอายุ 57 ปี ที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กรุงเทพฯ ว่า จากการสอบถามอาการจากแพทย์ที่ดูแล เป็นข่าวดีว่า ไข้ลดลงจนเกือบเป็นปกติแล้วและให้ความเข้มข้นออกซิเจนลดลง แสดงให้เห็นว่าคนไข้สามารถหายใจได้เองมากขึ้น คาดว่าในช่วงเย็นวันนี้ (25 มิ.ย.) จะสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ และผลจากการเอกซเรย์ ยังพบการติดเชื้อในปอดลดลง ดังนั้นแนวโน้มอาการผู้ป่วยรายนี้ดีขึ้นมาก หากไม่มีภาวะแทรก ซ้อนใด ๆ เกิดขึ้นผู้ป่วยน่าจะปลอดภัย ทั้งนี้แพทย์ยังคงให้รักษาในห้องไอซียูเพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ ต.บางสาเหร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นั้นมี 1 ราย ที่มีอาการปอดติดเชื้อ ทำให้ในช่วงแรกต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ขณะนี้สามารถถอดเครื่องช่วยหาย ใจออกได้แล้ว แต่ยังอยู่ในห้องไอซียูเพื่อดูแลอยู่

พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า ทหารที่เข้าฝึกผลัดนี้มีกว่า 4,000 นาย ซึ่งมีการตรวจพบผู้มีอาการไข้ และแยกไว้ประมาณ 200 คน ซึ่งจำนวนนี้จากการสุ่มตรวจ 10 คน มี 7 คน ที่มีการติดไข้หวัด 2009 ซึ่งมี 2 คนที่ส่งเข้าห้องไอซียู แต่ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 200 คน เรามีการจัดเตรียมให้แยกที่พักอาศัยไม่ให้ปะปนกับคนอื่น และได้สั่งให้กรมยุทธศึกษาดูแลหน่วยงานที่มีทหารและนักเรียนจำนวนมากให้รู้จักมาตรการระวังป้องกันทั้งก่อนและขณะที่มีเชื้อ เพื่อรู้จักรักษาตัวเอง ซึ่งเรา มีการกักกันผู้ต้องสงสัยว่าป่วย ซึ่งเราจะพยายามควบคุมให้ดีที่สุด

ส่วน พล.ร.ท.ศิริชัย ขนิษฐกุล เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารเรือ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้เข้มงวดกวดขันในเรื่องของการเข้า-ออก ภายในเขตศูนย์ฝึกทหารใหม่ โดยเฉพาะญาติพลทหารที่ เดินทางมาเยี่ยมทหารในวันหยุดราชการ ร้านค้าที่มีครอบครัว บุตรหลานข้าราชการค้าขายอยู่จำนวน มาก โดยจากนี้เวลาที่ญาติจะมาเยี่ยมต้องมีการตรวจสอบ และจะมีหน้ากากให้ป้องกัน และหากเป็นไปได้ก็จะให้งดเยี่ยมสักระยะหนึ่ง เพราะเราก็ไม่แน่ใจว่าใครจะปล่อยเชื้อให้ใคร นอกจากนี้ยังต้องแยกพลทหารออกให้เด็ดขาด เป็น 4 กลุ่ม เสี่ยง คือ กลุ่มมีอาการไข้หวัด ไอ จาม กลุ่มที่ มีไข้ กลุ่มที่มีไข้สูง กลุ่มที่มีไข้สูงเกินกว่า 38 องศาฯ และมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ และยังต้องเลื่อนการแยกหน่วยทหารใหม่จากวันที่ 2 ก.ค. เป็นวันที่ 9 ก.ค. เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่นำเชื้อโรคไประบาดในหน่วยใหม่ที่ต้องไปสังกัด

ที่ จ.ราชบุรี นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข พร้อมด้วย นายสุเทพ โกมลภมร ผวจ.ราชบุรี นพ.สุริยะ คูหรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สสจ.ราชบุรี ร่วมประชุมชี้แจงมาตรการเร่งด่วน ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้แก่หัวหน้าส่วนราชการ แพทย์พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู อาจารย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในเขต จ.ราชบุรี นายมานิต กล่าวว่า การเรียกประชุมในครั้งนี้เนื่องมาจากว่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ได้ประกาศหยุดเรียนเป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 25-26 มิ.ย. เนื่องจากมีนักเรียนป่วยเป็นไข้หวัดทยอยหยุดเรียนกว่า 200 คน โดยเจ้าหน้าที่ สสจ. และเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองราชบุรี ช่วยกันนำแอลกอฮอล์ไปเช็ดทำความสะอาดตามห้องเรียนต่าง ๆ และใช้รถบรรทุกน้ำผสมคลอรีนไปทำการฉีดล้างพื้นตามโรงอาหาร อาคารเรียน รวมทั้งห้องน้ำของโรงเรียนเพื่อฆ่าเชื้อโรคไม่ให้แพร่กระจาย

ด้านสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุง บัวโนสไอเรสประเทศอาร์เจนตินาว่า นางกราซีลา โอคานา รมว.สาธารณสุขอาร์เจนตินาแถลงว่า อาร์เจนตินาตรวจพบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้นอีก 4 ศพ รวมเป็น 21 ศพแล้ว ขณะที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสก็เพิ่มขึ้นรวมเป็น 1,391 คน และยังอยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสอีก 967 คน ส่วนองค์การอนามัยโลก (ฮู) รายงานตัวเลขผู้ป่วยด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้นเป็น 55,867 คน ใน 109 ประเทศทั่วโลก โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 238 ศพ

ที่ประเทศญี่ปุ่น กระทรวงสาธารณสุข ญี่ปุ่นแถลงว่า ตัวเลขผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มอีก 2 ราย ทะลุเกินหลัก 1,000 คนแล้ว ขณะที่มีรายงานของสำนักข่าวแพค นิวส์อ้างแถลงการณ์ของรัฐบาลประเทศวานูอาตู ซึ่งเป็นประเทศเล็ก ๆ ในเขตมหาสมุทรแปซิฟิก ระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นครั้งแรกของประเทศ เป็นเด็กอายุ 5 ขวบ 2 คน ติดเชื้อจากการตรวจที่เมืองเมล เบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และที่ประเทศลาวก็มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อ 3 รายแรก แต่เป็นชาวต่างชาติ คือ อเมริกัน ออสเตรเลีย และอีก 1 ชาติไม่เปิดเผย ส่วนโฆษกกระทรวงสาธารณสุขของออสเตรเลียแถลงว่า หากนักท่องเที่ยวของออสเตรเลียรายใดรู้สึกไม่สบาย ก็ขอให้เลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศไว้ก่อน หลังมีข่าวอินโดนีเซียคุมเข้มหวั่นต่างชาติแพร่เชื้อบนเกาะบาหลี แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของอินโดนีเซีย

ขณะที่นายโบซิดาร์ เยลิช รองนายกรัฐมนตรีเซอร์เบียแถลงว่า เซอร์เบียตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นรายแรกของประเทศ โดยผู้ป่วยเป็นชายวัย 29 ปีที่เดินทางมาจากประเทศอาร์เจนตินา ดังนั้นนักกีฬาทุกคนที่จะเดินทางมาร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกในเดือนหน้าที่เซอร์เบียเป็นเจ้า ภาพ จะต้องแสดงใบตรวจสุขภาพว่าปลอดโรคจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หากผู้ใดไม่มีหลักฐานมาแสดงก็จะต้องถูกกักกันโรค เพื่อตรวจดูอาการต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อนึ่ง การแข่งขันกีฬามหา วิทยาลัยโลกกำหนดมีขึ้นในระหว่างวันที่ 1-12 ก.ค.นี้ มีนักกีฬาและโค้ช 9,000 คนจาก 142 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน “น้องเบนซ์ จูเนียร์'” หรือ “ด.ญ.ข้าวขวัญ กฤษณโสภา” นักร้องชื่อดังรุ่นเยาว์วัย 12 ขวบ เจ้าของอัลบั้มสู้โว้ย และแฟมิลี่หมีแพนด้า จากค่ายทอป ไลน์ ไดมอนด์ ถูกนายสัสวรรษ กฤษณโสภา บิดา นำตัวส่ง รพ. กรุงเทพ หลังล้มป่วยมาหลายวัน มีอาการไข้สูง และอาการหนักขึ้น ขณะเข้าห้องอัดเสียง บิดาเห็นท่าไม่ดี เพราะเกรงว่าอาจจะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ จึงรีบนำตัวส่ง รพ. เพื่อให้แพทย์ตรวจดู อาการ และให้อยู่ในความดูแลของแพทย์.

“มานิต” ชี้แจงมาตรการเร่งด่วน ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไข้หวัดใหญ่ในราชบุรี - Influenza A(H1N1)

Thursday, June 25, 2009 at 11:27 PM

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ในจังหวัดราชบุรี 20 ราย มีผู้ป่วยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 2 รายเท่านั้น อาการไม่ร้ายแรง ไม่มีผู้เสียชีวิต ที่เหลือทั้งหมดได้รับการรักษาหายดีแล้ว เร่งชี้แจงมาตรการให้ทุกหน่วยงานป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เน้นขอความร่วมมือผู้ปกครอง หากมีเด็กป่วยให้อยู่แต่ในบ้าน งดทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

วันนี้ (25 มิถุนายน 2552) ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลราชบุรี จังหวัดราชบุรี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นาย สุเทพ โกมลภมร ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี และนายแพทย์สุริยะ คูหารัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี ประชุมชี้แจงมาตรการเร่งด่วน ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้หัวหน้าส่วนราชการ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครู อาจารย์ อบจ. อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในจังหวัดราชบุรีประมาณ 250 คน โดยได้แจกสมุดปกเขียว หรือ คู่มือประชาชนรู้เท่าทันเพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 พร้อมคำแนะนำกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ฉบับที่ 7

นายมานิต กล่าวว่า ในวันนี้โรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี ได้ประกาศหยุดเรียน 2 วัน เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนเป็นต้นมา มีนักเรียนทยอยหยุดเรียนจำนวนมาก ทางโรงเรียนได้สอบถามผู้ปกครองพบว่าหยุดเนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัด แต่มีนักเรียนอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง 6 ราย มีผลการตรวจยืนยัน 3 ราย ในวันนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปทำความสะอาดครั้งใหญ่แล้ว ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือผู้ปกครอง หากเด็กป่วยให้อยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 7 วัน งดทำกิจกรรมนอกบ้าน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

นายมานิต กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม-25 มิถุนายน 2552 จังหวัดราชบุรีได้รับรายงานผู้ป่วยอยู่ในข่ายเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ จำนวน 57 ราย โดยมีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จำนวน 20 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อจากนอกพื้นที่ 13 ราย และคาดว่าจะติดเชื้อในพื้นที่ 7 ราย ขณะนี้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 2 ราย และมีผู้ป่วยรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ จำนวน 11 ราย

กระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าหมายไม่ให้โรคนี้ระบาดในวงกว้าง โดยเร่งให้ความรู้แก่ประชาชนทุกด้าน โดยเฉพาะวิธีป้องกันไม่ให้ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ได้ผลมากคือ การล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยคาดปิดปากและจมูกป้องกันการแพร่เชื้อไปสู้ผู้อื่น การหลีกเลี่ยงโรคไข้หวัดใหญ่มีวิธีปฏิบัติง่ายๆ คือ “กินของร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่” นายมานิตกล่าว

*************** 25 มิถุนายน 2552

สธ.ซ้อมแผนรับมือหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ในชุมชน นำร่องครบ 4 ภาคในกค.นี้ - Influenza A(H1N1)

at 11:25 PM

กระทรวงสาธารณสุข สั่งซ้อมแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชน นำร่องภาคละ 1 ชุมชนในจังหวัดยโสธร เพชรบุรี สงขลา และลำพูน ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่งทัพ อสม.กว่า 970,000 คนทั่วประเทศ เคาะประตูบ้านให้ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และสร้างพฤติกรรมดูแลตนเอง ชี้โรคนี้ป้องกันได้

วันนี้ (25 มิถุนายน 2552) ที่เทศบาลตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายแพทย์ มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะผู้บริหาร เปิดการสาธิตการซ้อมแผนเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับชุมชนในภาคใต้ โดยได้สมมติสถานการณ์พบนักเรียนที่โรงเรียนวัดเกาะถ้ำ ป่วยเป็นไข้หวัด และพบผู้ป่วยในโรงงานแปซิฟิกแปรรูปสัตว์น้ำ โดยมีซักซ้อมขั้นตอนการคัดกรองผู้ป่วย แนะนำการใส่หน้ากากอนามัย การแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และทำความสะอาดโรงเรียน/โรงงาน และการซ้อมแผนเยี่ยมบ้านผู้ป่วยในชุมชนโดย อสม.ใช้ชุดความรู้ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติ พร้อมมอบชุดสื่อความรู้และอุปกรณ์รณรงค์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ แก่ตัวแทน อสม. 16 อำเภอ และปล่อยขบวน อสม.และแกนนำชุมชนรณรงค์ทำความสะอาดครั้งใหญ่ในชุมชน

นายวิทยากล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ของไทย อยู่ในระยะที่พบการติดเชื้อภายในประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่แห่งชาติ โดยได้ให้ทุกจังหวัดมีการซักซ้อมแผนเพื่อเตรียมความพร้อมทุกหน่วยงาน หากเกิดการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่ จะสามารถจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าโรคนี้จะไม่มีความรุนแรงก็ตาม โดยในเดือนนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะสาธิตการซ้อมแผนแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชนเป็นการ ปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง อสม. อบต./เทศบาล โรงเรียน และองค์กรอื่นๆในพื้นที่ ภาคละ 1 ชุมชน เริ่มในภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา ภาคกลางที่จังหวัดเพชรบุรี ภาคเหนือที่จังหวัดลำพูน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดยโสธร ครบทั้ง 4 ภาคภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ด้านนายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ขณะนี้ อสม. กว่า 970,000 คนทั่วประเทศ ได้รับการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ แล้ว จะออกเคาะประตูบ้านประชาชนทุกหลังคาเรือนทั่วประเทศ เพื่อให้ความรู้เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่และวิธีการป้องกันโรค ในวันที่ 22–26 มิถุนายน 2552 หากพบผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อย หอบ จะแจ้งเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยทันที

สำหรับการซักซ้อมแผนปฏิบัติการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ในชุมชน จะมีทั้งแบบบนโต๊ะ และฝึกปฏิบัติจริงในสถานการณ์สมมุติ ซึ่งจะเน้นการป้องกันและควบคุมโรค ที่ไม่ต้องใช้เวชภัณฑ์ ได้แก่ การงดกิจกรรมที่มีคนมารวมกัน หรือการปิดสถานศึกษา /สถานที่สาธารณะชั่วคราว การส่งเสริมการใช้หน้ากากอนามัย หรือใช้ผ้าเช็ดหน้า กระดาษทิชชู ปิดปากเมื่อไอจาม และการล้างมือเพื่อป้องกันการติดโรค การแยกผู้สัมผัสโรคไว้ที่บ้านให้ห่างจากบุคคลอื่นระหว่างรอสังเกตอาการ และจำกัดการเดินทางเพื่อลดโอกาสสัมผัสโรค โดยให้ อสม. ทำหน้าที่เฝ้าระวังในละแวกบ้าน รวมทั้งเป็นต้นแบบด้านสุขอนามัย และให้ความรู้ประชาชนให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง

**************************************** 25 มิถุนายน 2552

สธ.ชี้ มาตรการแก้ไขป้องกันรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทยไม่แตกต่างมาตรฐานโลก - Influenza A(H1N1)

at 11:22 PM

กระทรวงสาธารณสุข ชี้มาตรการแก้ไขป้องกันรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของไทย ไม่แตกต่างจากมาตรฐานโลก ทิศทางขณะนี้ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ยาต้านไวรัสรักษาผู้ป่วย ให้ใช้ในรายจำเป็นและมีอาการรุนแรง ซึ่งมีเพียงร้อยละ 1-2 เท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อดื้อยา ส่วนผู้ติดเชื้อที่อาการน้อย สามารถพักผ่อนรักษาที่บ้านได้โดยรักษาตามอาการไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส
วันนี้ (25 มิถุนายน 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงมานี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยมีผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม 69 ราย รวมยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน - 24 มิถุนายน 2552 ทั้งหมด 1,054 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,037 ราย ชี้ให้เห็นว่าโรคนี้ไม่ได้น่ากลัวและรุนแรงเหมือนในระยะแรกของประเทศ เม็กซิโก ที่ประชาชนเกิดการตื่นตระหนก และขณะนี้มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 17 รายเท่านั้น ทุกรายมีอาการดีขึ้น
ทางด้านรศ.นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนันท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเดินทางไปร่วมประชุมในฐานะตัวแทนของประเทศไทย เรื่องแนวทางการใช้ยาต้านไวรัสรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเดิมเป็นแนวทางการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดนก ไม่เหมาะกับการใช้รักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบัน การประชุมจัดที่องค์การอนามัยโลก นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีประเทศพัฒนาแล้วได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และประเทศกำลังพัฒนาอีก 2 ประเทศได้แก่ ไทย และเม็กซิโก เข้าร่วมประชุม โดยหารือ 2 ประเด็นหลักได้แก่การรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ด้วยยาต้านไวรัสที่เหมาะสม และการรับมือปัญหาดื้อยาในอนาคต
ผลการประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า ขณะนี้แนวทางการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์รักษาผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางเดียวกันทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย โดยจะใช้ยาต้านไวรัสต่างๆในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งมีร้อยละ 1-2 และใช้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด ฯลฯ ที่เหลือไม่จำเป็นต้องใช้ยา และการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์รักษาต้องใช้อย่างสมเหตุสมผล โดยเริ่มต้นตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น หรือผู้ป่วยที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มก้อนใหญ่ๆ สำหรับการป้องกันโดยใช้ยาต้านไวรัสนั้นใช้เฉพาะมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ ชัดเจนเท่านั้น ซึ่งการป้องกันโรคนี้สามารถทำได้ด้วยวิธีการอื่นๆที่ไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส เช่น ใช้หน้ากากอนามัย การล้างมือ เพื่อป้องกันปัญหาขาดแคลนยาและปัญหาดื้อยาที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต
สำหรับแนวทางควบคุมป้องกันโรค ในระยะแรกทุกประเทศมีมาตรการเข้มข้นในการป้องกันไม่ให้เชื้อเข้าประเทศ ต่อมาคณะผู้เชี่ยวชาญในหลายประเทศ มีความเข้าใจถึงธรรมชาติของโรคและมีประสบการณ์มากขึ้น จึงปรับยุทธศาสตร์ เน้นให้ประชาชนดูแลตนเอง โดยการล้างมือบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาในกรณีที่มีอาการรุนแรง ส่วนในรายที่มีอาการน้อยๆ แนะนำให้ดูแลพักผ่อนที่บ้านหากไม่จำเป็นไม่ควรมาโรงพยาบาลเพื่อตรวจว่าใช่ โรคนี้หรือไม่เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นี้จากโรง พยาบาล
...................... 25 มิถุนายน 2552

พบ"คนอ้วน"เสี่ยงตายจากเชื้อไข้หวัด2009 - Influenza A(H1N1)

at 6:20 PM

วันที่ 25 มิถุนายน 2552

คมชัดลึก : สธ.พบผู้ป่วยหวัดใหญ่ 2009 เพิม 69 ราย ส่งผลยอดทะลุหลักพัน แต่รักษาหายเกือบหมดแล้ว ด้าน "หมอทวี" เผยหลังร่วมประชุมองค์การอนามัยโลก พบข้อมูล "คนอ้วน" เสี่ยงตายจากเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่

ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ใน วันนี้มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มอีก 69 ราย เมื่อรวมกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้จำนวน 985 ราย ทำให้ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 1,054 ราย หายเป็นปกติแล้ว 1,037 ราย ขณะนี้มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 17 รายเท่านั้น ทุกรายมีอาการดีขึ้น

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการเดินทางไปร่วมประชุมผู้เชี่ยวชาญเพื่อจัดทำแนวทางการดูแลรักษาทางด้าน ยาสำหรับผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่องค์การอนามัยโลก นครเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีประเทศพัฒนาแล้วได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อังกฤษ ออสเตรเลีย และประเทศกำลังพัฒนาอีก 2 ประเทศได้แก่ ไทย และเม็กซิโก เข้าร่วมประชุม ที่ประชุมได้หารือ 2 ประเด็นหลักได้แก่การรักษาพยาบาลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ด้วยยาต้านไวรัสที่เหมาะสม และการรับมือปัญหาดื้อยาในอนาคต

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวต่อว่า ผลการประชุมได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า องค์การอนามัยโลกจะจัดทำไกด์ไลน์ หรือ แนวทางการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์รักษาผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งคาดว่าจะออกมาในเร็ว ๆ นี้ โดยการให้ยาต้านไวรัสจะให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งมีร้อยละ 1-2 และใช้ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ป่วยสูงอายุอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์ ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่นเบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด ที่เหลือไม่จำเป็นต้องใช้ยา

และการใช้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์รักษาต้องใช้อย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น โดยเริ่มต้นตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เช่น ผู้ป่วยอาการรุนแรง คือ มีอาการปอดบวม ซึม หรือมีไข้สูง 39 องศาเซลเซียส ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ป่วยที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ซึ่งแนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับการให้ยาในประเทศไทยที่เดินมาถูกทางแล้ว ส่วนการรับมือเชื้อดื้อยานั้น ที่ประชุมก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจะขอความร่วมมือให้ประเทศต่าง ๆ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของไวรัสในประเทศเป็นระยะ ๆ ว่ามีการดื้อยาหรือเชื้อรุนแรงขึ้นหรือไม่

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับคนที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่และมีอาการน้อย ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ และการรักษาไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ แต่แนะนำให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน หาก 3 วันไข้ไม่ลดจึงมาพบแพทย์ ทั้งนี้มีข้อมูลพบว่า การให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์นั้นช่วยลดอาการไข้ลงได้เพียง 1 วัน และช่วยลดจำนวนเชื้อลงเท่านั้น แต่คนรับประทานยาอาจได้รับผลผลข้างเคียงจากยาเช่น คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ส่วนวัยรุ่นที่ใช้ยาอาจทำให้จิตหลอน ภาพหลอน ซึ่งทางประเทศญี่ปุ่นกำลังรื้อข้อมูลมาศึกษาใหม่ โดยมีแนวโน้มว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจจะมิใช่เรื่องจริง แต่ทางสหรัฐฯก็ยังมีคำเตือนในเรื่องนี้อยู่

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวด้วยว่า จากการประชุมทราบว่า ขณะนี้ทางสหรัฐฯและอังกฤษไม่ได้ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ที่สนามบินแล้ว รวมทั้งการให้ผู้เดินทางกรอกประวัติในใบ ต. 8 ก็ใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน แต่จะเน้นที่การรักษาแทน และใน1-2 สัปดาห์นี้ทางสหรัฐฯจะเลิกรายงานตัวเลขผู้ป่วย แต่ในส่วนของประเทศไทยที่มีการระบาดหลังจากสหรัฐฯคงจะไม่ยกเลิกการรายงานผู้ ป่วยตามสหรัฐฯ โดยทันที คงต้องมีการประเมินสถานการณ์กันก่อน และยังจะคงมาตรการตรวจยืนยันผู้ป่วยต่อไป

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้มีการพูดคุยกันถึงกรณีที่มีการระบาดในเม็กซิโก แล้วมีคนเสียชีวิตจำนวนมาก พบว่า มีปัจจัยมาจาก คนไข้ไปพบแพทย์ช้า มีร่างกายแตกต่างจากคนอื่น ๆ คือ เป็นโรคอ้วน ซึ่งอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต สูงกว่าคนร่างกายปกติ ดังนั้นคงต้องมีการพิจารณาต่อไปว่า ในคนที่เป็นโรคอ้วน มีน้ำหนักมากกว่าคนปกติเป็น 2 เท่า เช่น คนปกติหนัก 60 กก. แต่คนอ้วนหนัก 120 กก. ดังนั้นจำเป็นหรือไม่ที่จะให้ยาต้านไวรัสแก่คนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวด้วยว่า ในคนที่เสียชีวิต 100 กว่าคนทั่วโลกนั้น พบว่ากว่า 60 % มีโรคประจำตัว ทำให้ภูมิต้านทานร่างกายอ่อนแอ โดยเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจนั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน แต่เมื่อมีโรคประจำตัว ภูมิต้านทานต่ำ เชื้อไวรัสจะลงไปที่ปอด ทำให้เกิดภาวะปอดบวม

เมื่อถามว่า ขณะนี้ทราบหรือยังว่า เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่มีต้นตอการระบาดจากที่ใด รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวว่า จากการอ่านนิตยสารนิวยอร์กไทม์ ฉบับวันที่ 24 มิ.ย. มีการระบุว่า เชื้อตัวนี้มีแหล่งกำเนิดจากเอเชีย เหตุผลคือ มีการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อดูยีนของไวรัสแล้วพบว่า เหมือนกับเชื้อที่แยกได้ในหมูของเอเชียเมื่อปี 2004 อย่างไรก็ตามทางเอเชียคงจะมีการตอบโต้ในประเด็นนี้ต่อไป

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขจะประชุมและมีคำแนะนำสำหรับค่ายทหารกรม กอง ต่าง ๆ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ส่วนกรณีหอหัก นั้นไม่น่ากังวล เนื่องจากหอพักแม้จะมีคนอยู่จำนวนมากแต่อยู่กันเป็นห้อง ๆ จึงไม่น่าห่วง
ด้าน นพ.เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงอาการของหญิงอายุ 57 ปี ที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ และยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม.ว่า จากการสอบถามอาการจากแพทย์ที่ดูแล เป็นข่าวดีว่า ไข้ลดลงจนเกือบเป็นปกติแล้วและให้ความเข้มข้นออกซิเจนลดลง แสดงให้เห็นว่าคนไข้สามารถหายใจได้เองมากขึ้น คาดว่าในช่วงเย็นวันที่ 25 มิ.ย. จะสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ และผลจากการเอ็กซ์เรย์ยังพบการติดเชื้อในปอดลดลง ดังนั้นแนวโน้มอาการผู้ป่วยรายนี้ดีขึ้นมาก หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ เกิดขึ้นผู้ป่วยน่าจะปลอดภัย แต่ทั้งนี้แพทย์ยังคงให้รักษาในห้องไอซียูเพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

นพ.เรวัต กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหาราเรือ ต.บางสาเหร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นั้นมี 1 ราย ที่มีอาการปอดติดเชื้อ ทำให้ในช่วงแรกต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ขณะนี้สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้แล้ว แต่ยังอยู่ในห้องไอซียูเพื่อดูแลอยู่

ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้รับรายงนตัวเลขว่า มีพลทหารใหม่ ที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่ ป่วยเป็นร้อยคน แต่มีจำนวน 10 กว่าคน ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น มีเพียง 1 รายเท่านั้นที่อาการหนัก แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจแล้ว

การแก้ปัญหา "ผมร่วง" ที่ผิดทาง? - ผมร่วง [Hair Loss]

at 5:40 PM

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 10:08:00 น.

หากยาและผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงมีประสิทธิภาพสามารถแก้ผมร่วงได้จริง เราคงไม่เห็นคนหัวเถิกหรือหัวล้านในทุกประเทศทั่วโลก !!

ปัญหา "ผมร่วง" สามารถพบได้เกือบทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มสาวใหญ่และหนุ่มใหญ่ ที่บางคนแทบจะไม่เหลือเส้นผมบนศรีษะแล้ว แต่ยังพยายามหายาดีมากินและทา จนเสียเงินทองไปมากมายแต่ก็ไม่ได้ผล ทั้งหมดนี้เกิดจากความไม่เข้าใจในธรรมชาติร่างกายของมนุษย์นั่นเอง

ผมร่วงตามธรรมชาติ


วงจรชีวิตของเส้นผมมีอยู่ 3 ระยะ คือ

ระยะที่ 1 "ระยะของการเติบโต" โดย เส้นผมที่งอกจากรากผมจะเจริญเติบโตประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเดือนและจะสามารถคงอยู่บนหนังศรีษะได้นาน 3 - 7 ปีในคนที่มีสุขภาพปกติ

จากนั้นจึงเข้าสู่ระยะที่ 2 "ระยะพักตัว" ซึ่งระยะนี้เส้นผมจะไม่เจริญเติบโตแล้วและรามผมยังหดฝ่อ ระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 3 - 4 สัปดาห์ ก่อนเข้าสู่ระยะสุดท้าย คือ

"ระยะหลุดร่วง" โดยรากและเส้นผมจะหลุดร่วงออกจากหนังศรีษะ กินเวลาประมาณ 3 - 4 เดือน ในที่สุดร่างกายจะมีปัจจัยมากระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นผมใหม่ แทนที่หลุดร่วงไป โดยในคนที่มีสุขภาพปกติ เส้นผมบนศรีษะ 80 - 90 % จะอยู่ในระยะเติบโต ส่วนอีก 5 - 20 % จะอยู่ในระยะหลุดร่วง ส่วนระยะที่ 2 นั้นจะกินเวลาที่สั้นมาก


ดังนั้น ทุกคนจะมีผมร่วงทุกวัน ประมาณ 100 - 150 เส้นต่อวัน ซึ่งเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พบว่าผู้หญิงจะมีเส้นผมที่ดกหนากว่าผู้ชาย


ความแตกต่างในวัยยังมีผลต่อการเจริญงอกงอมของเส้นผมอีกด้วย ในวัยเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเป็นวัยเจริญพันธุ์ร่างกายมีฮอร์โมนเพศสูงสุด เซลล์ในร่างกายมีการแบ่งตัวเต็มที่ รากผมก็เช่นกัน จะมีรากผมใหม่เกิดทดแทนรากผมเก่าในทันที แต่เมื่อย่างเข้าสู่วัยกลางคนและชรา อัตราการเกิดของเซลล์รากผมใหม่จะน้อยกว่าอัตราที่รากผมตายไป ทำให้ดูเหมือนผมบางลงสวนทางกับอายุที่มากขึ้น


ดังนั้น หากเราเป็นคนวัยกลางคนหรือวัยชรา การมีผมบนศรีษะบางถือเป็นเรื่องปกติและไม่ควรพยายามไปหาซื้อยาหรือวิตามินมา กินให้เสียดายเงิน




ผมร่วงแบบผิดปกติ


ผู้ที่มีเส้นผมร่วงมากจนผิดปกติ เกิดจากปัจจัยมากมาย ดังนี้


1.ผมร่วงชนิดชั่วคราว : สาเหตุเช่น มีความเครียดเป็นเวลานานๆ มักมีอาการผมร่วงตามมาแบบไม่รู้ตัว สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกวัย หรืออาจเกิดจากอาการป่วยหรือเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน หรือเกิดในเพศหญิงที่เพิ่งคลอดบุตร และในผู้ที่นิยมทานยาคุมกำเนิด เป็นต้น


การรักษา อาการผมร่วงชนิดนี้ ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพราะสามารถหายได้เอง


2.ผมร่วงจากกรรมพันธุ์ : เกิดจากสาเหตุทางพันธุกรรมและระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอร์โรนในร่างกาย สามารถพบได้ทั้งในชายและหญิง แต่จะพบในชายมากกว่า


การรักษาสามารถแก้ได้ยากมาก แม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะพยายามคิดค้นยาใหม่ๆ แต่พบว่าไม่ได้ผล แพทย์ผิวหนังจึงนิยมจ่ายยาเพื่อลดปริมาณของฮอร์โมนชนิดดังกล่าวในร่างกาย หรือจ่ายยาลดความดันโลหิต ซึ่งมีอาการข้างเคียง คือ การงอกของเส้นผมจะเป็นเพียงเส้นขนอ่อนและบางเท่านั้น หรือแม้แต่ยาในกลุ่มสเตรียรอยด์ ที่แพทย์บางคนนิยมจ่าย ก็ได้ผมยากมากแต่ที่แน่ๆ คือ จะได้รับอันตรายจากยาอันตรายเท่านี้แทน




องค์ประกอบเคมีของผลิตภัณฑ์บำรุงผม หรือป้องกันผมร่วง


มักประกอบด้วย
1.สารสำคัญในการกระตุ้นให้มีการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงรากผม เพื่อป้องกันผมร่วง เช่น วิตามินชนิดต่างๆ และสารสกัดจากสมุนไพร
2.สารอาหารในกลุ่มโปรตีน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้รากผมและเส้นผม
3.สารสำคัญ ที่มีประสิทธิภาพลดและควบคุมปริมาณไขมันของหนังศรีษะและลดอาการอักเสบของต่อมไขมัน
4.สารสำคัญในการควบคุมการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บนหนังศรีษะ


ข้อควรสังเกต



หากยาและผลิตภัณฑ์ป้องกันผมร่วงมีประสิทธิภาพสามารถแก้ผมร่วงได้จริง เราคงไม่เห็นคนหัวเถิกหรือหัวล้านในทุกประเทศทั่วโลก เพราะสาเหตุจากกรรมพันธุ์เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับความเป็นจริง ดัง นั้น อาจสามารถแก้ไขปัญหาโดยการใส่วิก หรือถักผมลงบนศรีษะ ซึ่งจะปลอดภัยกว่าการพยายามหายาวิเศษ ที่เป็นอันตราย แต่ไร้ความหวังมาเป็นที่พึ่ง


*****************


ที่มา นิตยสาร "ฉลาดซื้อ" ฉบับที่ 99 เขียนโดย รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล


(ติดต่อ "ฉลาดซื้อ" ได้ที่ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค 4/2 ซ.วัฒนโยธิน แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400 โทรศัพท์ 0-2248-3734-7 โทรสาร 0-2248-3733 อีเมล webmaster@consumerthai.org)
Thai Health Article (Thailand) | RSS Subscribe | Go to top