นายแพทย์ปราชญ์ ฝากปลัดคนใหม่สานงานสำคัญตามแนวพระราชดำริต่อ - อาหารและสุขภาพ, Health channel

Wednesday, September 30, 2009 at 6:22 PM

นายแพทย์ปราชญ์ ฝากปลัดคนใหม่สานงานสำคัญตามแนวพระราชดำริต่อ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อำลาตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดใจไม่ห่วงงานกระทรวง เชื่อมั่นปลัดคนใหม่สานงานต่อได้ดีแน่นอน ฝากดูแลโครงการตามแนวพระราชดำริ และเตรียมรับการประเมินสหัสวรรษแห่งการพัฒนาประเทศ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การลดอัตราการตายทารก พัฒนาสุขภาพหญิงมีครรภ์ และลดโรคเอดส์ ม...
วันที่ 30 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

นายแพทย์ปราชญ์ ฝากปลัดคนใหม่สานงานสำคัญตามแนวพระราชดำริต่อ

นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อำลาตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดใจไม่ห่วงงานกระทรวง เชื่อมั่นปลัดคนใหม่สานงานต่อได้ดีแน่นอน ฝากดูแลโครงการตามแนวพระราชดำริ และเตรียมรับการประเมินสหัสวรรษแห่งการพัฒนาประเทศ 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ การลดอัตราการตายทารก พัฒนาสุขภาพหญิงมีครรภ์ และลดโรคเอดส์ มาลาเรีย วัณโรคและโรคอื่นๆ ที่สำคัญ

วันนี้ (30กันยายน 2552) ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ อำลาตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ ภายหลังดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลา 4 ปี 15 วัน พร้อมมอบงานแก่ นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการและบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขจำนวนมากร่วมพิธี

นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกห่วงงานของกระทรวงสาธารณสุข เพราะตลอดเวลาที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำงานฟันฝ่าอุปสรรคร่วมกับข้าราชการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งในภาพรวมถือว่าประสบความสำเร็จบรรลุเป้าหมายเป็นอย่างดี ได้ดูแลความก้าวหน้าของบุคลากรทุกสาขา เช่น ขอตำแหน่งระดับ 9 ให้กับบุคลากรโรงพยาบาลชุมชนเพิ่ม 800 ตำแหน่ง และโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป 500 ตำแหน่ง การผลิตพยาบาลเพิ่ม 3,000 คนเพื่อแก้ไขความขาดแคลนในจังหวัดชายแดนใต้ โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ซึ่งเป็นโครงการในพระดำริของพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งภายหลังดำเนินงาน 3 ปี สามารถส่งเสริมให้หญิงไทยเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 47

นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่จะฝากให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ดูแลต่อ คือ โครงการในพระราชดำริของราชวงศ์ทุกพระองค์ เช่น โครงการทูบีนัมเบอร์วัน โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 4 รวมทั้งการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการประเมินผลตามเป้าหมายของสหัสวรรษแห่งการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การลดอัตราการตายของทารก ดูแลสุขภาพของหญิงมีครรภ์ การลดโรคที่สำคัญ เช่น เอดส์ มาลาเรีย วัณโรค ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาสามารถลดจำนวนผู้ป่วยทั้ง 3 โรคได้เป็นผลดี ทำให้การดำเนินงานอยู่ในระดับแนวหน้าของภูมิภาค ขณะเดียวกัน ขอให้ดูแลขวัญกำลังใจของบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องทำงานหนักในการดูแลสุขภาพคนไทยทั่วประเทศ ให้มีความก้าวหน้าในอาชีพอย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการไทยเข้มแข็งที่มีกระแสข่าวโจมตีอย่างต่อเนื่องนั้น มั่นใจว่า กระทรวงสาธารณสุขภายใต้การนำของปลัดกระทรวงคนใหม่ จะดำเนินโครงการต่อไปได้อย่างแน่นอน เพราะมีแบบแผนการทำงานอยู่แล้ว

ท้ายสุดฝากให้ชาวสาธารณสุขทุกคน ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชนต่อไป และมีความกตัญญูต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความสามัคคี ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยและกระทรวงสาธารณสุขเจริญก้าวหน้าในที่สุด ส่วนตนหลังจากนี้ แม้จะไม่ได้รับราชการในกระทรวงสาธารณสุขแล้ว แต่ยังพร้อมที่จะทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาทในโครงการต่างๆ ในฐานะลูกศิษย์พระบรมราชชนก เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนต่อไป นายแพทย์ปราชญ์กล่าว

********************************* 30 กันยายน 2552

แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ส่งยาช่วยผู้ประสบภัยพายุกิสนาที่ประเทศฟิลิปปินส์

at 5:05 PM

สธ.ส่งยาช่วยผู้ประสบภัยพายุกิสนาที่ประเทศฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ภาคอีสานที่ประสบอุทกภัยจากผลของพายุดีเปรสชั่นกิสนา โดยเฉพาะอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในแนวพายุเคลื่อนตัวผ่าน และสำรองยาช่วยเหลือน้ำท่วม 1 ล้านชุดไว้ที่ส่วนกลาง พร้อม...
วันที่ 30 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ส่งยาช่วยผู้ประสบภัยพายุกิสนาที่ประเทศฟิลิปปินส์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนพื้นที่ภาคอีสานที่ประสบอุทกภัยจากผลของพายุดีเปรสชั่นกิสนา โดยเฉพาะอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา ซึ่งอยู่ในแนวพายุเคลื่อนตัวผ่าน และสำรองยาช่วยเหลือน้ำท่วม 1 ล้านชุดไว้ที่ส่วนกลาง พร้อมสนับสนุนทุกจังหวัดทันที ขณะเดียวกันประสานกระทรวงการต่างประเทศ จัดส่งยาสามัญประจำบ้านช่วยผู้ประสบอุทกภัยชาวฟิลิปปินส์อีก 1 แสนชุด

วันนี้ (30 กันยายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำท่วมจากพายุดีเปรสชั่นกิสนา ว่า ขณะนี้พายุกิสนาได้เข้ามาถึงประเทศไทยแล้ว ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนภัยพื้นที่ที่อยู่ในแนวพายุเคลื่อนตัวผ่าน ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา คาดว่าจะมีฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งพื้นที่ในภาคอีสานและภาคตะวันออก ที่อยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลและที่ลุ่ม ในวันนี้ ได้มอบหมายให้นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข สั่งการสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เตรียมความพร้อมหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน หากเกิดวิกฤตด้านอุทกภัยในหลายพื้นที่ ให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือทุกพื้นที่อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ ได้ให้องค์การเภสัชกรรม จัดเตรียมยาสามัญประจำบ้านไว้ 1 ล้านชุด รองรับโรคที่มากับน้ำท่วม เช่น น้ำกัดเท้า ตาแดง อุจาระร่วง พร้อมจัดส่งให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ร้องขอทันที

นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือประเทศฟิลิปปินส์ที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง มีประชาชนได้รับผลกระทบและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากการประชุมวานนี้ (29 กันยายน 2552) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติว่า ไทยจะให้ความช่วยเหลือประเทศฟิลิปปินส์ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข ดูแลให้ความช่วยเหลือด้านเวชภัณฑ์ ในวันนี้ได้สั่งการให้องค์การเภสัชกรรมเตรียมยาสามัญประจำบ้าน 1 แสนชุด และมอบหมายให้นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องการจัดส่งยา เวชภัณฑ์การแพทย์ต่างๆ รวมทั้งติดตามว่าประเทศฟิลิปปินส์ต้องการการสนับสนุนเวชภัณฑ์ใดเพิ่มเติม เพื่อประสานงานองค์การเภสัชกรรมในการส่งความช่วยเหลือให้ต่อไป

ด้านนายแพทย์ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้สั่งการให้ศูนย์สั่งการทุกจังหวัดเตรียมความพร้อม และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนภัยประชาชนเป็นระยะๆ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ล่าสุดได้รับรายงานพื้นที่ที่กำลังประสบอุทกภัยมี 5 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ทั้ง 25 อำเภอ มุกดาหาร สุรินทร์ นครราชสีมา และบุรีรัมย์ ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

****************************** 30 กันยายน 2552

แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เตือนประชาชนอย่าละเลยป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยเฉพาะเด็กที่เข้าไปเที่ยวในเมืองช่วงปิดเทอม - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 1:14 PM

สธ.เตือนประชาชนอย่าละเลยป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยเฉพาะเด็กที่เข้าไปเที่ยวในเมืองช่วงปิดเทอม กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังคงทรงตัว แม้พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลง แต่ไม่ควรวางใจ โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองยังเป็นจุดที่พบผู้ป่วยได้มาก เตือนสภาพอากาศที่เย็นลง ฝนตกชุก เชื้อโรคจะอยู่ในสิ่ง...
วันที่ 30 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เตือนประชาชนอย่าละเลยป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยเฉพาะเด็กที่เข้าไปเที่ยวในเมืองช่วงปิดเทอม


กระทรวงสาธารณสุข เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังคงทรงตัว แม้พบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลง แต่ไม่ควรวางใจ โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองยังเป็นจุดที่พบผู้ป่วยได้มาก เตือนสภาพอากาศที่เย็นลง ฝนตกชุก เชื้อโรคจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น ขอให้ประชาชนเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัวเอง ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนตามอำเภอรอบๆ ที่ออกเที่ยวตามศูนย์การค้า โรงหนัง สวนสนุก ร้านอาหาร ช่วงปิดเทอม ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า จากการประเมินสถานการณ์ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่ 20-26 กันยายน 2552 มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 3 ราย ลดลงจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 13-19 กันยายน 2552 ที่มีผู้เสียชีวิต 7 ราย โดยผู้เสียชีวิตสัปดาห์นี้อยู่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร 2 ราย มหาสารคาม สุรินทร์และอุดรธานี จังหวัดละ 1 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตตั้งแต่ 28 เมษายน 2552 เป็นต้นมา มีทั้งหมด 165 ราย

ส่วนจำนวนผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่เริ่มป่วยในรอบ 14 วันที่ผ่านมา พบจำนวน 297 ราย ใน 38 จังหวัด โดยจังหวัดที่มีผู้ป่วยยืนยันในหลายอำเภอ คือจังหวัดพะเยา นอกจากนี้ ยังพบว่าอำเภอเมืองยังเป็นจุดที่พบผู้ป่วยมาก โดยเฉพาะที่อำเภอเมืองขอนแก่น อุดรธานี ลำปางและพะเยา ดังนั้น ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงจะเกิดอาการรุนแรงในจังหวัดภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ หากป่วยเป็นไข้หวัดขอให้รีบพบแพทย์รักษาทันที
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า แม้สถานการณ์การระบาดดูเหมือนจะเริ่มลดลง แต่ประชาชนไม่ควรวางใจและละเลยมาตรการป้องกันตัว เพราะช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลง หลายพื้นที่มีฝนตกชุก ทำให้มีความชื้นในอากาศสูง เชื้อไวรัสอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้น ประชาชนจึงมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคได้มากขึ้น ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดคงมาตรการ 2 ลด 3 เร่ง และประชาสัมพันธ์ความรู้ มาตรการป้องกันตัวอย่างต่อเนื่อง ให้ประชาชนตระหนักและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งการล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะเด็กนักเรียนในอำเภอรอบๆ ซึ่งช่วงปิดเทอมอาจมีการออกไปเที่ยวตามศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ สวนสนุก ร้านอาหาร ในตัวจังหวัด ขอให้ผู้ปกครองเอาใจใส่ให้เด็กดูแลป้องกันตัวเป็นพิเศษด้วย

นอกจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้ว ในบางพื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง ต้องระมัดระวังโรคติดต่อที่พบได้บ่อย ได้แก่ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลและโรคตาแดง โดยสำนักระบาดวิทยา รายงานผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม-29 กันยายน 2552 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 60,469 ราย และตาแดง 77,973 ราย ซึ่งการแพร่กระจายของเชื้อโรคดังกล่าว มี 2 ทาง คือจากการสัมผัสโดยตรง เช่น การคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือไอ จามรดกัน ส่วนการติดเชื้ออีกทางคือ การติดเชื้อมากับมือที่ไปสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน แล้วมาสัมผัสกับจมูก ตา หรือนำเข้าปาก ซึ่งการล้างมือบ่อยๆ และสวมหน้ากากอนามัย จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้

***************************************** 30 กันยายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จังหวัดพัทลุงจัดสัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ ต้านภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

at 10:13 AM

จังหวัดพัทลุงจัดสัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ ต้านภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จังหวัดพัทลุงสัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ ต้านภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปี 2552 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ...
วันที่ 30 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จังหวัดพัทลุงจัดสัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ ต้านภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

จังหวัดพัทลุงสัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์
ต้านภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปี 2552
เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง ร่วมกับหน่วยควบคุมโรคติดต่อที่นำโดยแมลงที่ 5 อำเภอเมืองพัทลุง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลชัยบุรี และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมือง จัดประชุมเครือข่ายประชาสัมพันธ์ต้านภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ณ วนอุทธยานเมืองเก่าชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง
เนื่องจากจังหวัดพัทลุง ได้รับรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่ ชนิด เอ H1N1 2009 ที่มีภูมิลำเนาขณะป่วยในจังหวัดพัทลุง รวมสะสม 278 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 55.23 ต่อประชากรแสนคน ไม่มีผู้ป่วยรายงานตาย ซึ่งมีกระจายในพื้นที่ทั้ง 11 อำเภอของจังหวัดพัทลุง (ข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2552 ) จากสถานการณ์ดังกล่าว พบว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้การควบคุมและป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และการถ่ายทอดความรู้เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไปสู่ประชาชนได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขี้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง จึงได้จัดประชุมสัมมนาสื่อมวลชนและเครือข่ายประชาสัมพันธ์ ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. สร้างเครือข่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์เรื่องการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
2. เพื่อให้สื่อมวลชนและเครื่อข่ายประชาสัมพันธ์มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และถ่ายทอดไปสู่ประชาชน
3. เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีพฤติกรรมที่ถูกต้องในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ในการจัดสัมมนาในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วยนักจัดรายการสถานีวิทยุกระจายเสียง สื่อมวลชนทุกแขนงในจังหวัดพัทลุง ครูอนามัยโรงเรียน ตัวแทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตัวแทนองค์กรปกครองสว่นท้องถิ่น ตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุข ในเขตอำเภอเมืองพัทลุง และเทศบาลเมืองพัทลุง กว่า 250 คน โดยใช้งบประมาณในการดำเนินงานจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินจำเป็น เพื่อเฝ้าระวังควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จากกองสารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข โดยมีกิจกรรมฐานการเรียนรู้ จำนวน 4 ฐาน ประกอบด้วยฐานความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 ฐานแนวทางการควบคุมและป้องกันโรค ฐานการล้างมือที่ถูกวีธี และฐานกิจกรรมการเชื่อมองค์ความรู้นันทนาการ เพื่อให้ทุกภาคส่วนสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดสู่ประชาชนต่อไป


แหล่งข่าวโดย.... สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง [30/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.กำแพงเพชร ทุ่มงบกว่า 2 แสนบาท สานนโยบายกระทรวงสาธารณสุขจัดประชุมดีเจคลื่นวิทยุ สื่อมวลชน เป็นพลังกระจายความรู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 - อาหารและสุขภาพ, Health channel

Tuesday, September 29, 2009 at 7:55 PM

สสจ.กำแพงเพชร ทุ่มงบกว่า 2 แสนบาท สานนโยบายกระทรวงสาธารณสุขจัดประชุมดีเจคลื่นวิทยุ สื่อมวลชน เป็นพลังกระจายความรู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือเป็นวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพ และสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อจากคน สู่คนและสามารถแพร่ระ...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.กำแพงเพชร ทุ่มงบกว่า 2 แสนบาท สานนโยบายกระทรวงสาธารณสุขจัดประชุมดีเจคลื่นวิทยุ สื่อมวลชน เป็นพลังกระจายความรู้ไข้หวัดใหญ่ 2009

การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ถือเป็นวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพ และสาธารณสุขทั่วโลก เนื่องจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่ติดต่อจากคน สู่คนและสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วในวงกว้าง กระทรวงสาธารณสุข ได้ทุ่มงบประมาณ 23 กว่าล้านบาท ให้ทุกจังหวัดจัดอบรมนักจัดรายการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุชุมชนกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ ช่วยเป็นสื่อกลางเผยแพร่ความรู้การป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และกระตุ้นให้คนไทยตื่นตัวในการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ที่ห้องลิไท โรงแรมเพชร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองกำแพงเพชร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ได้ทุ่มงบประมาณกว่า 2 แสนบาทป้องกันดำเนินการประชาสัมพันธ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009โดยจัดประชุมเครือข่ายนักจัดรายการวิทยุสู้ภัย...ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยมีนายถาวร เฉิดพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมด้วยนางกาญจนา ลิ้มเลิศเจริญวนิช นักวิชาการสาธารณสุข เชี่ยวชาญ ด้านบริการทางวิชาการ เปิดการประชุมเครือข่ายนักจัดรายการวิทยุสู้ภัย....ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีนักจัดรายการวิทยุกระจายเสียง นักจัดรายการวิทยุชุมชน และสื่อมวลชนในจังหวัดกำแพงเพชร จำนวนกว่า 100 คน เข้าร่วมประชุมเพื่อเผยแพร่ความรู้การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อเป็นสื่อกลางช่วยตอกย้ำ กระตุ้นเตือนประชาชน ให้มีความตื่นตัวในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากคลื่นวิทยุชุมชนสามารถเข้าถึงและครอบคลุมประชาชนทุกพื้นที่ รวมทั้งวิทยุชุมชนยังเป็นสื่อข้อมูลความรู้ภาษาถิ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความเข้าใจเรื่องโรคและการป้องกันตัวได้ดียิ่งขึ้น
นายแพทย์ณัฐพร วงษ์ศุทธิภากร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เริ่มระบาดตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 เป็นต้นมา รวมเกือบ 5 เดือนและขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยองค์กรอนามัยโลกคาดการณ์ว่าอาจเกิดการระบาดในระลอก 2 ขึ้นอีก สถานการณ์ในภาพรวมของประเทศไทยเริ่มชะลอตัว แต่มีแนวโน้มพบผู้ป่วยในต่างจังหวัดมากขึ้น และคาดว่าการระบาดจะต่อเนื่องไปจนปลายปี ในส่วนของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ได้เร่งสร้างความพร้อมให้กับประชาชนในการป้องกันควบคุมไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจในการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง และการป้องกันการแพร่เชื้อเมื่อป่วยเป็นไข้หวัด ผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
นายแพทย์ณัฐพร ยังกล่าวต่ออีกว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ให้มีการสนับสนุนการดำเนินงานของนักจัดรายการวิทยุ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แก่ประชาชน และจัดให้มีการประชุมเครือข่ายนักจัดรายการวิทยุสู้ภัย...ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขึ้น โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ได้สนับสนุนสื่อต่าง ๆ เช่น สปอตวิทยุ บทวิทยุ และเอกสารความรู้เรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งเรื่องความเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อโรค การแพร่ระบาด การป้องกันโรค กลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ รวมทั้งหน้ากากอนามัยแบบกระดาษ เจลแอลกอฮอล์ล้างมือด้วย จากนั้นจะมีการติดตามประเมินผลการรับรู้ของประชาชนทั่วประเทศในเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อนำมาปรับปรุงมาตรการเผยแพร่ความรู้ตามยุทธศาสตร์ 2 ลด 3 เร่ง คือ ลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ลดการติดเชื้อ และลดการป่วยให้ได้มากที่สุด และ 3 เร่ง คือ 1.เร่งให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ออกเยี่ยมให้คำแนะนำประชาชน 2. เร่งการเผยแพร่ความรู้สื่อสารแก่ประชาชน 3. เร่งการบริหารจัดการจากส่วนกลางสู่ส่วนภูมิภาคและท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แหล่งข่าวโดย.... สสจ.กำแพงเพชร [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เตรียมเปิดความโปร่งใส โครงการไทยเข้มแข็ง ทางเวปไซต์ วันที่ 1 ต.ค.นี้

at 6:22 PM

สธ.เตรียมเปิดความโปร่งใส โครงการไทยเข้มแข็ง ทางเวปไซต์ วันที่ 1 ต.ค.นี้ สาธารณสุขพร้อมเปิดความโปร่งใสการใช้งบประมาณกว่า 80,000 ล้านบาทในโครงการไทยเข็มแข็ง ทางเวปไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go..th วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป พร้อมยันเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี 800 เครื่องให้โรงพยาบาลชุมชน หากผิดเงื่อนไขการจัดซื้อทางราชการ ก็พร้อมจะท...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เตรียมเปิดความโปร่งใส โครงการไทยเข้มแข็ง ทางเวปไซต์ วันที่ 1 ต.ค.นี้

สาธารณสุขพร้อมเปิดความโปร่งใสการใช้งบประมาณกว่า 80,000 ล้านบาทในโครงการไทยเข็มแข็ง ทางเวปไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go..th วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป พร้อมยันเครื่องฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี 800 เครื่องให้โรงพยาบาลชุมชน หากผิดเงื่อนไขการจัดซื้อทางราชการ ก็พร้อมจะทบทวน

แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุข เพิ่มคุณภาพประสิทธิภาพในการบริการประชาชนทั่วประเทศ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข็มแข็ง 2555 วงเงินทั้งหมด 86,684 ล้านบาทเศษ ซึ่งงบงวดแรกได้รับอนุมัติแล้ว 11,515 ล้านบาทเศษว่า ตามงบประมาณที่ได้รับงวดแรก แบ่งการดำเนินการเป็นเวลา 3 ปี ในปี 2553 วงเงิน 8,227 ล้านบาทเศษ ปี 2554 วงเงิน 2,902 ล้านบาทเศษ และปี 2555 วงเงิน 384 ล้านบาทเศษ มีเป้าหมายพัฒนา 4 แผนงานใหญ่ได้แก่ 1. การจัดซื้อรถพยาบาลกว่า 800 คัน ให้โรงพยาบาลชุมชน และรถกระบะให้สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ เพื่อการรับส่งต่อผู้ป่วย 2. การพัฒนาอาคารบริการ ที่พักบุคลากร โรงพยาบาลชุมชน 3. โครงการพัฒนาอาคารบริการของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และ 4. โครงการผลิตบุคลากรทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ซึ่งจะเริ่มดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการเดินหน้าโครงการอย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุด โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2552 นี้ จะเผยแพร่โครงการรายละเอียดของการพัฒนาทั้งหมด ทางเวปไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจเข้าไปดูได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในโครงการดังกล่าวจะให้ทุกจังหวัดส่งรายงานข้อมูลผลการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้ว เพื่อแสดงความโปร่งใสและความรอบคอบในการดำเนินการยิ่งขึ้น

แพทย์หญิงศิริพรกล่าวต่อว่า ในส่วนของการจัดซื้อเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงยูวีหรือเครื่องฟอกอากาศ ให้โรงพยาบาลชุมชน 800 แห่ง ใช้เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่ติดต่อทางเดินหายใจ เช่นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โรคไข้หวัดนก วัณโรค ป้องกันการแพร่เชื้อในโรงพยาบาล เพิ่มความปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ ซึ่งได้ประมาณราคาพื้นฐานไว้ 40,000 บาท ซึ่งอยู่ในโครงการไทยเข้มแข็งงวดที่ 2 ยังไม่ผ่านการพิจารณาของวุฒิสภา เป็นราคาที่ได้สอบถามสถานบริการที่เคยใช้มาแล้ว กระทรวงสาธารณสุขได้ให้จังหวัดเตรียมการจัดซื้อจัดจ้าง กำหนดคุณลักษณะในวงเงินไม่เกินที่กำหนด ขอยืนยันว่ากระทรวงฯไม่ได้กำหนดสเปคกลางไว้แต่อย่างใด และไม่เคยส่งใครไปเสนอขาย โดยหากเครื่องฟอกอากาศดังกล่าวมีบริษัทผู้ผลิตรายเดียว ก็ไม่ควรดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ กระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมจะทบทวนต่อไป

ทางด้านนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า สำหรับการพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ 9,770 แห่ง วงเงิน 1.35 ล้านบาท โดยงบ 5 แสนบาทใช้ลงทุนปรับปรุงอาคารสถานที่ ที่เหลือจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดกรอบรายการครุภัณฑ์ไว้ 46 รายการโดยผู้แทนของหลายฝ่าย เพื่อให้แต่ละแห่งเลือกจัดซื้อตามความจำเป็น ขณะนี้ได้ส่งหนังสือสอบถามความต้องการไปแล้ว กำหนดส่งภายใน 30 กันยายน เพื่อรวบรวมรายการจัดส่งไปที่สำนักงบประมาณโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ ในจำนวนครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 46 รายการที่มีเครื่องอัลตราซาวด์ และเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบอัตโนมัติอยู่ด้วยนั้นเป็นการเลือกอย่างมีเงื่อนไขที่ต้องมีแพทย์หรือพยาบาลเวชปฏิบัติอยู่ เป็นความต้องการใช้ของสถานีอนามัยบางแห่งจริง เนื่องจากมีแพทย์ประจำการอยู่แล้ว ดังนั้นเครื่องมือนี้เมื่อไปถึงพื้นที่ ก็จะเกิดการใช้บริการจริงกับประชาชน

***************************************************** 29 กันยายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.เพชรบุรี มอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณในการประชุมวิชาการ ปี 2552 - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 4:41 PM

สสจ.เพชรบุรี มอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณในการประชุมวิชาการ ปี 2552 นายแพทย์วัฒนา โรจนวิจิตรกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี มอบโล่และประกาศเกียรติคุณ ในการประชุมวิชาการ ที่โรงแรมลองบีช อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ดังนี้ ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ได้รับประกาศเกียรติคุณจากสำนักตรวจราชการสาธารณสุข เขต 5 ได้แก่ 1.โรงพยาบาลส่งเสร...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)


สสจ.เพชรบุรี มอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณในการประชุมวิชาการ ปี 2552


นายแพทย์วัฒนา โรจนวิจิตรกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี มอบโล่และประกาศเกียรติคุณ
ในการประชุมวิชาการ ที่โรงแรมลองบีช อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
ดังนี้ ผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ได้รับประกาศเกียรติคุณจากสำนักตรวจราชการสาธารณสุข เขต 5 ได้แก่ 1.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าไม้รวก (บ้านหนองชุมแสง) โครงการเฉลิมพระเกียรติ 57 พรรษามหาวชิราลงกรณ์ หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรค หมู่7 บ้านท่าไร่หลวง ต.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง
2.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าไม้รวก (บ้านหนองชุมแสง) นวตกรรมสานฝัน ชุมชนร่วมกันดูแลเด็กก่อนวัยเรียน 3.โรงพยาบาลบ้านลาด นวัตกรรม มิสเตอร์ 6 อ.ก่อพลังงานสร้างสุขภาพ

นอกจากนี้โครงการตรวจสอบภายในเครือข่าย ปี 2552 เข้ารับมอบใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล
ระดับโรงพยาบาลชุมชน ได้แก่ 1.โรงพยาบาลเขาย้อย 2.โรงพยาบาลหนองหญ้าปล้อง 3.โรงพยาบาลพระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี
ระดับเครือข่าย ได้แก่ 1.สถานีอนามัยท่าแร้ง อ.บ้านแหลม 2.สถานีอนามัยห้วยลึก อ.บ้านลาด 3.สถานีอนามัยบ้านทาน อ.บ้านลาด 4.สถานีอนามัยท่าตะคร้อ อ.หนองหญ้าปล้อง 5.สถานีอนามัยสถานีอนามัยบ้านท่าเรือ อ.แก่งกระจาน 6.สถานีอนามัยต้น7.สถานีอนามัยพุม่วง อ.เขาย้อย 8.สถานีอนามัยหนอกจอก อ.ท่ายาง
9.สถานีอนามัยฝั่งท่า อ.ท่ายาง 10.สถานีอนามัยเขากระปุก อ.ท่ายาง 11.สถานีอนามัยสาระเห็ด อ.ท่ายางมะม่วง อ.เมือง
ผลการประกวด การดำเนินงานควบคุมวัณโรค ระดับเครือข่ายบริการ ปี 2552 รับประกาศนียบัตรและเงินรางวัล
รางวัลที่ 1 นางเพ็ญพิมล ประเสิฐดรจน์ โรงพยาบาลพระจอมเกล้าฯ รางวัลที่ 2 นายวิษณุ อ่วมเนตร โรงพยาบาลท่ายาง รางวัลที่ 3 นางจิณห์จุฑา แสงทอง โรงพยาบาลชะอำ

ได้รับเหรียญทอง และนัดกีฬาดีเด่น จากการแข่งขันกีฬาสาธารณสุขสามัคคี ครั้งที่ 30 ปี 2552
ได้แก่1.นายเฉลย เพชรพราย ประเภทหมากรุกชาย และรางวัลนักกีฬาดีเด่น 2.นางอุษา เอี่ยมองอาจ ประเภทหมากฮอสหญิง และรางวัลนักกีฬาดีเด่น

ผลการประกวดนวตกรรมสุขภาพชุมชนดีเด่น จังหวัดเพชรบุรี ปี 2552
โล่ พร้อมเงินรางวัล รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 8,000 บาท การสร้างเครือข่ายทำงาน เครือข่ายชุมชน สอ.บ้านในดง อ.ท่ายาง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 เงินรางวัล7,000 บาท ถึงบ้านถึงใจ ห่วงใยสุขภาพ สอ. บ้านท่าเรือ อ. แก่งกระจาน รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 เงินรางวัล 6 ,000 บาท 2 อ. รวมพลังลดโรคเรื้อรังตามวิถีชุมชน รพสต.ท่าไม้รวก (บ้านหนองชุมแสง) อ. ท่ายาง
รางวัลชมเชย เงินรางวัล 4,000 บาท
ปฏิทินยาพาสุขภาพดี มีประโยชน์ ใช้โค้ชเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเรื้อรัง กลุ่มงานเวชปฏิบัติครอบครัว รพ.บ้านลาด
รางวัลชมเชย เงินรางวัล 4,000 บาท มิสเตอร์อ่อนหวาน อ่อนเค็มเต็มใจดูแลเบาหวาน-ความดัน สอ.บ้านทาน อ.บ้านลาด
ข้าราชการและลูกจ้างดีเด่นระดับจังหวัด และระดับเขต ปี2552 1.รางวัลราชการดีเด่น และรางวัลครุฑทองคำ ได้แก่ นางสาวมณี เย็นตั้ง พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ โรงพยาบาลพระจอมเกล้า 2.รางวัลลูกจ้างประจำดีเด่น และรางวัลครุฑทองคำ ได้แก่ นางสุวลักษณ์ อรชร โรงพยาบาลชะอำ

รางวัลผลงานด้านพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมดีเด่นระดับจังหวัด และระดับเขต 5
ได้แก่ โรงพยาบาลบ้านแหลม อ.บ้านแหลม
.......................................................................................... แหล่งข่าวโดย.... เกษม จันทศร [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552

at 3:04 PM

มหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552 มหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552 โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552 แนะนำนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนจะต้องรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลเพื่อป้องกันโรคหัวใจ และตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง นายแพทย์ไพบูลย์ อัสวธนบดี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคามฝ่...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552

มหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552

โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคามรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552 แนะนำนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนจะต้องรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลเพื่อป้องกันโรคหัวใจ และตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
นายแพทย์ไพบูลย์ อัสวธนบดี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคามฝ่ายบริการเป็นประธานเปิดรณรงค์วันหัวใจโลกประจำปี 2552 ณ ลานดอกปีป ซึ่งปัจจุบันโรคหัวใจ และหลอดเลือด เป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีอัตราการป่วยเพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของคนไทย ทั้งนี้เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ กินอาหารประเภทไขมันสูง ย่อยยาก อาหารประเภทแป้ง น้ำตาลมาก จะทำให้ระดับไขมันในเลือดสูง ทำให้หลอดเลือดแดงแคบลง และเลือดไหลผ่านไม่สะดวก สุดท้ายเมื่อหัวใจขาดเลือด จะมีอาการเจ็บหน้าอก เจ็บหัวใจขณะออกแรงหรือมีอาการเครียด อาจทำให้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เร่งให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรง ในปี 2552 โรงพยาบาลมหาสารคามได้จัดรณรงค์วันหัวใจโลกขึ้น ในวันที่ 29 กันยายน 2552 ณ ลานดอกปีปโดยมีคำขวัญที่ว่า กินถูกหลัก รักการเคลื่อนไหว ห่างไกลบุหรี่ หัวใจแข็งแรง มีการจัดนิทรรศการความรู้ ถามตอบปัญหามีรางวัล การเต้นท์แอโรบิค การตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจสุขภาพเบื้องต้นด้วยการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบเอว วัดความดันโลหิต และคำนวณดัชนีมวลกาย สำหรับการป้องกันควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับเพศกับวัย ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที โดยให้หลักการง่าย ๆ 3 ป. คือ ประโยชน์ ประหยัด ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหวานจัด เค็ม มัน เพิ่มการรับประทานผักสด ผลไม้ อาหารที่มีกากใย รับประทานผักอย่างน้อยวันละ 5 ทัพพี 5 สี เช่น ผักใบเขียว เหลือง ส้ม ขาว ม่วง และอาหารจากธรรมชาติปลูกเอง ปลอดสารพิษ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม ไม่เครียด ไม่โกรธ พักผ่อนให้เพียงพอ มีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจขัด หอบ หายใจลำบาก รีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยจากโรคหัวและหลอดเลือด
อรณต วัฒนะ ข่าว / พิมพ์2 9 กันยายน 52
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เผยคนกทม.ตายจากโรคเบาหวานมากที่สุดในประเทศ เตือนผู้ป่วยเบาหวานควรแจ้งทันแพทย์ก่อนทำฟัน

at 11:57 AM

สธ.เผยคนกทม.ตายจากโรคเบาหวานมากที่สุดในประเทศ เตือนผู้ป่วยเบาหวานควรแจ้งทันแพทย์ก่อนทำฟัน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยในปี 2551 มีคนไทยป่วยเบาหวานเกือบ 400,000 ราย เสียชีวิตกว่า 7,000 ราย คนกรุงเทพฯมากที่สุด สาเหตุกว่าร้อยละ 80 มาจากพฤติกรรมกินอยู่ เมินออกกำลังกาย เร่งจัดหน่วยหมอเดินเท้าออกคัดกรองเบาหวานทุกหมู่บ้านในปี 53 ป้องกันก่อน...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เผยคนกทม.ตายจากโรคเบาหวานมากที่สุดในประเทศ เตือนผู้ป่วยเบาหวานควรแจ้งทันแพทย์ก่อนทำฟัน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยในปี 2551 มีคนไทยป่วยเบาหวานเกือบ 400,000 ราย เสียชีวิตกว่า 7,000 ราย คนกรุงเทพฯมากที่สุด สาเหตุกว่าร้อยละ 80 มาจากพฤติกรรมกินอยู่ เมินออกกำลังกาย เร่งจัดหน่วยหมอเดินเท้าออกคัดกรองเบาหวานทุกหมู่บ้านในปี 53 ป้องกันก่อนป่วย ด้านทันตแพทย์แนะคนเป็นเบาหวานก่อนทำฟันต้องแจ้งประวัติการป่วยให้ทันตแพทย์ทราบ เนื่องจากแผลหายช้า โอกาสติดเชื้อโรคมีสูง

วันนี้ (29 กันยายน 2552) ที่โรงแรมแมริออท กรุงเทพฯ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างโรคเบาหวานกับงานปริทันต์ จัดโดยสมาคมปริทันต์แห่งประเทศไทย โรงพยาบาลเทพธารินทร์ บริษัทคอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้ทันตแพทย์ แพทย์ ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้เป็นโรคเบาหวาน โรคปริทันต์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นำไปพัฒนาส่งเสริมสุขภาพที่ดีของประชาชนต่อไป

นายมานิต กล่าวว่า ปัจจุบันสหพันธ์เบาหวานนานาชาติประมาณการว่า ประชากรทั่วโลกมีภาวะเบาหวานมากกว่า 230 ล้านคนหรือเกือบร้อยละ 6 ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลก โรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ใน 10 อันดับประเทศที่มีผู้ป่วยเบาหวานสูงสุด เป็นประเทศที่กำลังพัฒนาถึง 7 ประเทศ โดยทุก 10 วินาทีจะมีผู้เสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวเนื่องกับเบาหวาน และคาดการณ์ว่าใน 16 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2568) ผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ร้อยละ 80 จะพบในประเทศกำลังพัฒนา ส่วนไทยคาดว่ามีผู้ป่วยเบาหวานประมาณ 2-3 ล้านคน และจากข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ในปี พ.ศ. 2551 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยเบาหวานรายใหม่ 388,551 ราย เสียชีวิต 7,725 ราย จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กทม. 538 รายรองลงมาคือ ขอนแก่น 533 ราย อุบลราชธานี 427 ราย อุดรธานี 375 ราย กาฬสินธุ์ 318 ราย ตามลำดับ

นายมานิตกล่าวต่อว่า โรคเบาหวานเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด สาเหตุกว่าร้อยละ 80 เกิดจากพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายน้อยลง ที่เหลือเกิดมาจากพันธุกรรม ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายลดโรค เช่น จัดโครงการสุขภาพดีวิถีไทย โครงการคนไทยไร้พุง หมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คนไทยไร้พุงมุ่งต้านเบาหวาน การตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน เป็นต้น ในปี 2553 มีนโยบายให้ทุกจังหวัดตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน โดยให้สถานีอนามัยทั่วประเทศ ร่วมกับ อสม. ออกคัดกรองผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไปทุกหมู่บ้านให้ได้ร้อยละ 75 ถ้าพบกลุ่มเสี่ยงจะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น เช่น ลดกินหวาน มัน เค็ม เพิ่มผัก ผลไม้ เพิ่มการออกกำลังกายให้ได้วันละอย่างน้อย 30 นาที ลดรอบเอวให้น้อยกว่า 90 ซม.ในผู้ชาย 80 ซม.ในผู้หญิง ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งจะช่วยลดอัตราการป่วยเป็นเบาหวานและลดอัตราการเสียชีวิตได้

ด้านทันตแพทย์สุธา เจียรมณีโชติชัย ผู้อำนวยการกองทันตสาธารณสุข กรมอนามัย กล่าวว่า คนที่เป็นโรคเบาหวานจะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ เกิดจากตับอ่อนสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยลง สร้างไม่ได้ หรือสร้างได้แต่ออกฤทธิ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้ติดเชื้อง่าย เกิดโรคในช่องปากได้ง่ายกว่าคนปกติหลายเท่า เช่น โรคเหงือกอักเสบ โรครำมะนาด หากถอนฟันแผลจะหายช้าประมาณ 2 อาทิตย์ ขณะที่คนทั่วไปแผลจะหายประมาณ 3-5 วัน ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องการจะทำฟันควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ และควรจะปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเข้ารับการทำฟัน เพื่อให้แพทย์ให้ยาฆ่าเชื้อควบคุมก่อนทำฟัน ป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด

******************* 29 กันยายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดพิธีลงนามถวายพระพร - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 11:50 AM

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดพิธีลงนามถวายพระพร รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดพิธีลงนามถวายพระพร วันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. นายแพทย์จรัญ ทองทับ รองผู้อำนวยการด้านบริการทุติยภูมิ และนางนวลจันทร์ ประเคนรี รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี นำแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสรรพส...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดพิธีลงนามถวายพระพร

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดพิธีลงนามถวายพระพร



วันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. นายแพทย์จรัญ ทองทับ รองผู้อำนวยการด้านบริการทุติยภูมิ และนางนวลจันทร์ ประเคนรี รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี นำแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ทำพิธีร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้หายจากพระอาการประชวรและเพื่อเป็นการถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระผู้ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจ และความรักสามัคคีของคนในชาติ ให้ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงสถิตสถาพรเป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกรชาวไทยยิ่งยืนนานสืบไป
โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จึงขอเชิญชวนเหล่าข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้ร่วมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ บริเวณพระรูปกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ อาคารผู้ป่วยนอกชั้น 1 โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ถ.สรรพสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

วิริยาภรณ์ ข่าว/พิมพ์
นพ.มนต์ชัย บก.ข่าว
29 ก.ย.52 แหล่งข่าวโดย.... งานประชาสัมพันธ์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมร้องเพลงชาติไทย ตามโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง"

at 2:23 AM

สสจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมร้องเพลงชาติไทย ตามโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง" เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2552 นายแพทย์อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ถ่ายภาพร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากได้ร่วมร้องเพลงชาติไทย ตามโครงการ "ไทยสามั...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ฉะเชิงเทรา ร่วมร้องเพลงชาติไทย ตามโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง"

เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2552 นายแพทย์อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ถ่ายภาพร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากได้ร่วมร้องเพลงชาติไทย ตามโครงการ "ไทยสามัคคี ไทยเข้มแข็ง" โดยนำเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และ อสม. ในจังหวัดฉะเชิงเทรากว่าหนึ่งพันคน ร่วมร้องเพลงชาติไทย ตามโครงการดังกล่าว ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร[ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - sing thai.jpg ] แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สาธารณสุขฉะเชิงเทรา จัดประชุมวิชาการปี 2552 - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 12:46 AM

สาธารณสุขฉะเชิงเทรา จัดประชุมวิชาการปี 2552 นายแพทย์ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 3 เป็นประธาน เปิดการประชุมพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและวิชาการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ปีงบประมาณ 2552 และประกาศคุณค่าศักดิ์ศรีหน่วยบริการปฐมภูมิ ในวันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. โดยมี นายแพ...
วันที่ 29 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สาธารณสุขฉะเชิงเทรา จัดประชุมวิชาการปี 2552

นายแพทย์ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขต 3 เป็นประธาน เปิดการประชุมพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยและวิชาการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ปีงบประมาณ 2552 และประกาศคุณค่าศักดิ์ศรีหน่วยบริการปฐมภูมิ ในวันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. โดยมี นายแพทย์อภิชาติ รอดสม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา กล่าวต้อนรับและรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดการประชุมฯ เพื่อ สนับสนุนบุคลากรในสังกัด ให้มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ด้านการพัฒนางานประจำให้เป็นงานวิจัย และได้ผลงานวิจัยและผลงานวิชาการดีเด่นประจำปีที่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขของพื้นที่ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ มาตรฐานเหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ตรงกับความต้องการของผู้รับบริการ/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้เข้าร่วมประชุมได้แก่ เจ้าหน้าที่จาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอและสถานีอนามัย ทุกแห่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 330 คน ดำเนินการจัดการประชุมวิชาการประจำปี 2552 วันที่ 28 - 29 กันยายน 2552 ณ โรงแรมแกรนด์รอยัล พลาซ่า จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งในการประชุมฯครั้งนี้มีการบรรยายพิเศษ เรื่อง การดูแลสุขภาพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง " โดย คุณเลี่ยม บุตรจันทา ปราชญ์ชาวบ้าน อำเภอสนามชัยเขต บรรยายพิเศษ เรื่อง ศึกษาความเป็นผู้นำจากวรรณกรรมสามก๊ก " โดย ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ บรรยายพิเศษ เรื่อง "สองปีที่แปดริ้ว" โดย นายแพทย์อภิชาติ รอดสม การนำเสนอผลงานวิจัยและวิชาการดีเด่น จำนวน 5 เรื่อง และการนำเสนอผลงานเด่นปี 2552 จำนวน 5 เรื่อง

นายแพทย์อภิชาติ รอดสม กล่าวต่อว่า ในคืนวันที่ 29 กันยายน 2552 เวลา 18.00-22.00 น. ของการจัดประชุมประชุมวิชาการประจำปี มีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ "ร้อยรัก....จากใจ" ให้แก่ข้าราชการสาธารณสุขและลูกจ้างที่เกษียณอายุราชการ จำนวน 14 ท่าน ซึ่งในงานเลี้ยงสังสรรค์ มีการฉายวีดิทัศน์ประวัติและความเป็นมาของผู้เกษียณฯ ประธานชมรมข้าราชการบำนาญสาธารณสุขฉะเชิงเทรา นายแพทย์ชอบ ดียิ่ง ร่วมงานสังสรรค์ต้อนรับสมาชิกใหม่ การแสดงดนตรี "ภูสมิง หน่อสวรรค์" และการแสดงของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา[ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - conference.jpg ] แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ. นครพนม จัดงานวันมหิดล และทอดผ้าป่า ในงานวันมหิดล

Monday, September 28, 2009 at 7:55 PM

รพ. นครพนม จัดงานวันมหิดล และทอดผ้าป่า ในงานวันมหิดล รพ. นครพนม จัดงานวันมหิดล และทอดผ้าป่า ในวันมหิดล เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 เวลา 08.00 น. ที่โรงพยาบาลนครพนม นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายประจักษ์จิตต์ อภิวาท และนายนพวัชร สิงห์ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เหล่าข้าราชการทหาร ตำรวจ พ่อค้...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ. นครพนม จัดงานวันมหิดล และทอดผ้าป่า ในงานวันมหิดล

รพ. นครพนม จัดงานวันมหิดล และทอดผ้าป่า ในวันมหิดล

เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2552 เวลา 08.00 น. ที่โรงพยาบาลนครพนม นายพงษ์ศิริ กุสุมภ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายประจักษ์จิตต์ อภิวาท และนายนพวัชร สิงห์ศักดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เหล่าข้าราชการทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ชาวจังหวัดนครพนม และข้าราชการเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครพนม รวมทั้งผู้แทนหน่วยงาน องค์กรต่างๆ วางพวงมาลา ถวายราชสักการะ พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ณ ลานพระรูปพระราชบิดา เนื่องในวันมหิดล ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
มีการมอบรางวัลแพทย์ดีเด่น ข้าราชการ ลูกจ้างดีเด่น ใบประกาศเกียรติคุณ แก่ผู้บริจาคเงินสร้างห้องพิเศษสงฆ์
ในปีนี้โรงพยาบาลนครพนม ได้จัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อปรับปรุงห้องพิเศษสงฆ์อาพาธจำนวน 22 ห้อง โดยพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายสงฆ์ ได้มอบกองทุนผ้าป่าฯ ให้แก่นายแพทย์ธีรพล โตพันธานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม โดยยอดบริจาคทั้งหมดในวันที่ 24 กันยายน 2552 เป็นจำนวนเงิน 3,333,999 บาท โรงพยาบาลนครพนม ขอขอบคุณ ในความมีน้ำใจของทุกท่าน ที่ร่วมบริจาคเงินในครั้งนี้ [ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - วันมหิดล.JPG ] แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพยาบาลกู้ชีพ เขต 13

at 6:18 PM

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพยาบาลกู้ชีพ เขต 13 รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพยาบาลกู้ชีพ เขต 13 วันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 6 อาคาร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเ...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพยาบาลกู้ชีพ เขต 13

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพยาบาลกู้ชีพ เขต 13

วันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 6 อาคาร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี นพ.มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการพิเศษ เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรพยาบาล กู้ชีพ เขต 13 โดยทีมวิทยากรจากโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี
เนื่องจากตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา เพื่อให้ประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉินได้รับบริการทางการแพทย์และเคลื่อนย้ายนำส่งสถานพยาบาลได้อย่างถูกต้องและทันเวลา และทุกจังหวัดได้สนองนโยบายนี้ โดยให้การสนับสนุนการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินขึ้น และมีการพัฒนาระบบนี้อย่างรวดเร็วและในปี 2551 โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้จัดอบรมแก่พยาบาลวิชาชีพโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลจังหวัดแห่งละ 2คน ในจังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ จึงมีผู้ผ่านการอบรมที่ปฏิบัติงานในหน่วยปฏิบัติการระดับสูง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่เพียงพอต่อการให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง จึงได้จัดอบรมขึ้น โดยมีพยาบาลวิชาชีพที่ปฏิบัติงานในหน่วยปฏิบัติการระดับสูง ในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนในเขต 13 จำนวน 100 คน เข้าร่วมการอบรม
การจัดอบรมในครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 2 รุ่น อบรมรุ่นละ 5 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีความรู้ความเข้าใจในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีทัศนคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน มีความรู้ความเข้าใจในการประเมินและการช่วยเหลือฉุกเฉิน ทั้งกรณีอุบัติเหตุและเจ็บป่วยฉุกเฉินที่พบบ่อย ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้จะมีทักษะ ประสบการณ์ที่ถูกต้องในการปฏิบัติงาน ดูแลและนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินที่สำคัญก่อนถึงโรงพยาบาลและมีเจตคติที่ดีต่อการปฏิบัติงานในระบบการแพทย์ฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี


วิริยาภรณ์ ข่าว/พิมพ์
นพ.มนต์ชัย บก.ข่าว
28 ก.ย.52
แหล่งข่าวโดย.... งานประชาสัมพันธ์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา ประชุมสสจ.ทั่วประเทศ แจงงบไทยเข้มแข็ง 80,000 ล้านบาท เน้นกระจายอำนาจจัดซื้อ ไร้ล็อคสเปค

at 5:05 PM

วิทยา ประชุมสสจ.ทั่วประเทศ แจงงบไทยเข้มแข็ง 80,000 ล้านบาท เน้นกระจายอำนาจจัดซื้อ ไร้ล็อคสเปค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ชี้แจงงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งกว่า 80,000 ล้านบาท เน้นกระจายอำนาจจังหวัดจัดซื้อจัดจ้าง โดยไม่มีการล็อคสเปค หลังจัดจ้างให้ขึ้นข้อมูลทางเวปไซต์ภายใน 3 วัน ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขตั...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา ประชุมสสจ.ทั่วประเทศ แจงงบไทยเข้มแข็ง 80,000 ล้านบาท เน้นกระจายอำนาจจัดซื้อ ไร้ล็อคสเปค

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ชี้แจงงบประมาณโครงการไทยเข้มแข็งกว่า 80,000 ล้านบาท เน้นกระจายอำนาจจังหวัดจัดซื้อจัดจ้าง โดยไม่มีการล็อคสเปค หลังจัดจ้างให้ขึ้นข้อมูลทางเวปไซต์ภายใน 3 วัน ให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ที่ รพ.ไม่ต้องการแต่มีการเสนอวงเงินซื้อ และคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้งบประมาณภาพรวม รวมทั้งร่วมจับตาการทุจริตแอบอ้างชื่อ หากพบ ให้แจ้งตรงรัฐมนตรีว่าการฯ

วันนี้ (28 กันยายน 2552) ที่โรงแรมที.เค.พาเลซ กทม. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อมอบนโยบายและชี้แจงโครงการพัฒนาระบบริการสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ระหว่างปีงบประมาณ 2552 - 2555 วงเงินงบประมาณกว่า 80,000 ล้านบาท พัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศทัดเทียมกับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งเป็นลงทุนด้านโครงสร้างอาคารสถานที่ เครื่องมือแพทย์ รวมทั้งผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ สร้างหอพักแพทย์พยาบาล ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของกระทรวงสาธารณสุข หลังจากที่ขาดการลงทุนมาเป็นเวลา 8 ปี ทำให้เกิดการขาดแคลนทั้งสถานที่ เครื่องแพทย์ที่จำเป็น

นายวิทยากล่าวว่า งบดังกล่าวมี 2 ก้อน งบก้อนแรกประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท จะใช้พัฒนาสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ประมาณ 2,000 แห่ง แห่งละประมาณ 1.3 ล้านบาท และจัดซื้อรถพยาบาล ให้โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน 1,000 คัน เพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยจากสถานีอนามัย ส่วนงบก้อนที่ 2 ประมาณ 60,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ได้หารือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว คาดว่าอีกประมาณ 1 เดือนจะแล้วเสร็จ

นายวิทยากล่าวต่อว่า ในการบริหารจัดการงบดังกล่าว จะเน้นการกระจายอำนาจให้จังหวัดจัดซื้อจัดจ้างเอง ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยไม่มีการล็อคสเปคทุกรายการ ให้สสจ.ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และร่วมกันรับผิดชอบ หากพบการทุจริตขอให้แจ้งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยนโยบายรัฐบาลเน้นการสร้างความเข้มแข็งและความโปร่งใส ทุกรายการที่จัดจ้างแล้ว ต้องลงเว็บไซต์ทั้งหมดภายใน 3 วัน เพื่อให้จังหวัดอื่นติดตามดูได้

ทั้งนี้ ได้มอบหมายนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ซึ่งกำลังจะรับตำแหน่งปลัดกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 1 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป ตั้งคณะกรรมการ 2 คณะ คณะแรกให้ตรวจสอบการตั้งงบซื้อเครื่องมือแพทย์ ที่โรงพยาบาลไม่ต้องการแต่มีการเสนอรายการจัดซื้อตามที่เป็นข่าวร้องเรียน เช่น เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงยูวี เครื่องละ 40,000 บาท จำนวน 800 เครื่อง รวม 32 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนคณะที่ 2 เป็นคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณภาพรวมทั้งหมด ประกอบด้วย ตัวแทนโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้ตรวจราชการ และให้พิจารณาราคาเครื่องมือแพทย์ การก่อสร้างอาคารต่างๆ ไม่ให้มีราคาเกินจริง ก่อนที่จะได้รับงบประมาณก้อนที่ 2 เพื่อให้สามารถติดตามการใช้งบได้อย่างรอบคอบ โดยจะดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า

นายวิทยากล่าวต่ออีกว่า ขอให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกคน ทำงานด้วยความหนักแน่น อย่าหวั่นไหว และยึดความสุจริต ถูกต้อง เนื่องจากขณะนี้มีข่าวเกิดขึ้นเป็นระยะๆ หากมีการล็อคสเปค หรือมีการแอบอ้างชื่อรัฐมนตรีหรือทีมงานรัฐมนตรี ขอให้รายงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข หรือรัฐมนตรีว่าวการะทรวงสาธารณสุขโดยตรง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ ให้ความเชื่อมั่นการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขมากที่สุด
ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะเชิญนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทุกระดับ ประชุมเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจแนวทางการดำเนินงานงบโครงการไทยเข้มแข็งในวันที่ 5 ตุลาคม 2552 นี้ และจะเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมอบนโยบายด้วย

****************************************************** 28 กันยายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมวิชาการ การพัฒนาคุณภาพการดูแลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง

at 4:41 PM

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมวิชาการ การพัฒนาคุณภาพการดูแลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมวิชาการ การพัฒนาคุณภาพการดูแลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง วันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคาร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิป...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมวิชาการ การพัฒนาคุณภาพการดูแลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมวิชาการ
การพัฒนาคุณภาพการดูแลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง

วันที่ 28 กันยายน 2552 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคาร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี นางนวลจันทร์ ประเคนรี รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เป็นประธานการประชุมวิชาการเรื่อง การพัฒนาคุณภาพการดูแลเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้ที่เจ็บป่วยเรื้อรัง เนื่องจากปัจจุบันมีวิธีการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังอย่างมีประสิทธิภาพ แต่พบว่ามีผู้ป่วยเหล่านี้จำนวนมากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสม ทั้งนี้ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินศักยภาพของระบบบริการสุขภาพที่มีอยู่และระบบสุขภาพปัจจุบันมีการนำวิทยาการที่พิสูจน์แล้วมาประยุกต์ใช้อย่างจำกัด การออกแบบเพื่อรักษาโรคเฉียบพลันไม่สามารถตอบสนองความต้องการด้านการดูแลรักษาโรคเรื้อรังได้ ผู้ดูแลที่เป็นระดับผู้ปฏิบัติมีข้อจำกัดเนื่องจากปริมาณงานมาก ทำให้ขาดความรู้เทคนิคใหม่ ๆ ในการดูแลผู้ป่วยโรคเรื้อรังเฉพาะทาง ในขณะที่โรคเรื้อรังต้องการการดูแลของแพทย์และบุคลากรสาขาอื่น ๆ หลายสาขา โดยมีพยาบาลวิชาชีพ พยาบาลเทคนิค พนักงานผู้ช่วยพยาบาลในหอผู้ป่วยและในหน่วยบริการผู้ป่วยอายุรกรรม กุมารเวชกรรม ศัลยกรรม และสูติ-นรีเวชกรรม จำนวน 200 คนเข้าร่วมประชุม
การประชุมในครั้งนี้เพื่อให้บุคลากรทางการพยาบาลมีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังเพิ่มมากขึ้นและพัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยเรื้อรังแบบ Humanized Health Care สามารถอธิบายและบอกถึงเป้าหมายของการดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง การลดผลกระทบที่เกิดจากการเจ็บป่วยเรื้อรังและการส่งเสริมคุณภาพชีวิตต่อไป

วิริยาภรณ์ ข่าว/พิมพ์
นพ.มนต์ชัย บก.ข่าว
28 ก.ย.52 แหล่งข่าวโดย.... งานประชาสัมพันธ์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

โรงพยาบาลลำปางจัดปาร์ตี้คนรักษ์เต้า (นม)

at 3:04 PM

โรงพยาบาลลำปางจัดปาร์ตี้คนรักษ์เต้า (นม) แพทย์หญิงอภิญญา สัชฌะไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลลำปาง มอบเงินรางวัลพร้อมเกียรติบัตรแก่แกนนำสตรีต้นแบบคนรักษ์เต้า (นม) ในเขตเทศบาลนครลำปาง 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านปงสนุก ชุมชนท่ามะโอและชุมชนสามดวงสามัคคี ซึ่งงานนี้จัดขึ้นโดยกลุ่มงานเวชกรรมสังคมร่วมกับคณะกรรมการป้องก...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

โรงพยาบาลลำปางจัดปาร์ตี้คนรักษ์เต้า (นม)

แพทย์หญิงอภิญญา สัชฌะไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านบริการปฐมภูมิ โรงพยาบาลลำปาง มอบเงินรางวัลพร้อมเกียรติบัตรแก่แกนนำสตรีต้นแบบคนรักษ์เต้า (นม) ในเขตเทศบาลนครลำปาง 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านปงสนุก ชุมชนท่ามะโอและชุมชนสามดวงสามัคคี ซึ่งงานนี้จัดขึ้นโดยกลุ่มงานเวชกรรมสังคมร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งเต้านม โรงพยาบาลลำปาง ภายใต้โครงการส่งเสริมสุขภาพและสร้างชุมชนต้นแบบคนรักษ์เต้า (นม) ในชุมชนเขตเทศบาลนครลำปาง ณ ลานชุมชนบ้านปงสนุก / ลานชุมชนท่ามะโอ - ประตูป่อง เมื่อวันที่ 3 และ 4 กันยายน ที่ผ่านมา [ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - ภาพปาร์ตี้ 1.jpg ] แหล่งข่าวโดย.... นางสาวกาญจนา กำบังตน นักประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลลำปาง [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

โรงพยาบาลลำปางจัดพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2552

at 1:27 PM

โรงพยาบาลลำปางจัดพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2552 โรงพยาบาลลำปางจัดพิธีวางพวงมาลา เนื่องในโอกาสวันมหิดล เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธี และมีตัวแทนจากหน่วยงานภายนอกมาร่วมงาน...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

โรงพยาบาลลำปางจัดพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2552

โรงพยาบาลลำปางจัดพิธีวางพวงมาลา เนื่องในโอกาสวันมหิดล เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก โดยได้รับเกียรติจากนายแพทย์ศิริชัย ภัทรนุธาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เป็นประธานในพิธี และมีตัวแทนจากหน่วยงานภายนอกมาร่วมงานจำนวนมาก ณ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร ฯ เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา [ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - ภาพข่าววันมหิดล.jpg ] แหล่งข่าวโดย.... นางสาวกาญจนา กำบังตน นักประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลลำปาง [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.สำรองงบรับมือพายุ กิสนา 30 ล้านบาท และยาอีกกว่า 1 ล้านชุด พร้อมช่วยฟิลิปปินส์

at 1:14 PM

สธ.สำรองงบรับมือพายุ กิสนา 30 ล้านบาท และยาอีกกว่า 1 ล้านชุด พร้อมช่วยฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการทุกจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เตรียมพร้อมเวชภัณฑ์และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่รับมือพายุโซนร้อนกิสนา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสำรองงบ 30 ล้านบาท และยาช่วยเหลือน้ำท่วมอีกกว่า 1 ล้านชุดส่งพื้นที่ทันที ขณะนี้ได้จัดส่งยาไปช่วย 3...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.สำรองงบรับมือพายุ กิสนา 30 ล้านบาท และยาอีกกว่า 1 ล้านชุด พร้อมช่วยฟิลิปปินส์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งการทุกจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม เตรียมพร้อมเวชภัณฑ์และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่รับมือพายุโซนร้อนกิสนา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยสำรองงบ 30 ล้านบาท และยาช่วยเหลือน้ำท่วมอีกกว่า 1 ล้านชุดส่งพื้นที่ทันที ขณะนี้ได้จัดส่งยาไปช่วย 37 จังหวัดพื้นที่เสี่ยงแล้วรวมกว่า 3 แสนชุด และพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยช่วยซับน้ำตาชาวฟิลิปปินส์ในด้านการแพทย์และสาธารณสุข

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมจากพายุโซนร้อน กิสนา ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศของประเทศไทยได้ในช่วงวันที่ 30 กันยายน - 3 ตุลาคม 2552 ว่า ได้สั่งการให้สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติหรือศูนย์นเรนทร ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงตามประกาศเตือนภัยของกรมอุตุนิยมวิทยา ให้เตรียมเวชภัณฑ์ และหน่วยแพทย์เคลื่อนที่พร้อมให้บริการผู้ประสบภัย ตลอด 24 ชั่วโมง หากเจ็บป่วยฉุกเฉิน ประชาชนสามารถโทรแจ้งหน่วยแพทย์นเรนทรทางหมายเลข 1669 ฟรี

นายวิทยากล่าวว่า ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ได้สำรองงบประมาณไว้ที่ส่วนกลาง 30 ล้านบาท และสำรองเวชภัณฑ์ ยาสามัญประจำบ้านจำนวนกว่า 1 ล้านชุด โดยตั้งศูนย์ประสานงานกับจังหวัดที่สำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในปีนี้ได้จัดส่งยาตำราหลวงไปช่วยเหลือจังหวัดต่าง ๆ ที่เคยประสบภัยน้ำท่วมมาแล้วและเสี่ยงท่วมซ้ำเป็นการล่วงหน้าอีก 37 จังหวัด เช่นที่จ.เลย แพร่ เพชรบูรณ์ อุบลราชธานี รวมทั้งหมดกว่า 300,000 ชุด ซึ่งหากประสบภัยก็จะสามารถนำไปแจกจ่ายประชาชนในการดูแลสุขภาพได้ทันท่วงที

สำหรับการให้ความช่วยเหลือประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งกำลังประสบภัยน้ำท่วมจากพายุโซนร้อนกิสนาอย่างหนักในขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้การสนับสนุนทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามนโยบายของรัฐบาลไทยทันที เนื่องจากในฐานะที่อยู่ในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้วยกัน และไทยยังมีประสบการณ์ในการส่งทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัยพายุนาร์กีสที่ประเทศพม่าเมื่อปีที่แล้ว

ด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ หากทางฟิลิปปินส์ร้องขอความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นด้านบุคลากรการแพทย์ เวชภัณฑ์และยาช่วยผู้ประสบภัย กระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่

********************************* 28 กันยายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. ชี้ ขณะนี้ในคนไทยทุก ๆ 1 แสนคน จะป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ 38 คน ย้ำอย่าชะล่าใจ - ไข้หวัดใหญ่2009

at 12:40 PM

กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนคนไทยอย่าประมาทไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้โรคยังแพร่กระจายทุกพื้นที่ตลอดเวลา เฉลี่ยแล้วในประชาชนไทยทุกๆ 1 แสนคน จะมีคนติดเชื้อโรคนี้ได้ 38 คน เร่งเพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยของแพทย์ พยาบาล ให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามมาตรการ 2 ลด 3 เร่งอย่างเคร่งครัดใน 3 กลุ่ม คือโรงพยาบาล สถานีอ...
กระทรวงสาธารณสุข ย้ำเตือนคนไทยอย่าประมาทไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้โรคยังแพร่กระจายทุกพื้นที่ตลอดเวลา เฉลี่ยแล้วในประชาชนไทยทุกๆ 1 แสนคน จะมีคนติดเชื้อโรคนี้ได้ 38 คน เร่งเพิ่มศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยของแพทย์ พยาบาล ให้ทุกจังหวัดดำเนินการตามมาตรการ 2 ลด 3 เร่งอย่างเคร่งครัดใน 3 กลุ่ม คือโรงพยาบาล สถานีอนามัย และในกลุ่มประชาชน เพื่อลดการเสียชีวิตของผู้ป่วย

วันนี้ (28 กันยายน 2552) ที่โรงแรมอมารีดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพมหานคร นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการอบรมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขผู้รับผิดชอบงานด้านโรคติดต่อที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน สำนักงานควบคุมป้องกันโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดใน 16 จังหวัดภาคกลาง รวมทั้งสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์สังกัด กทม. จำนวน 400 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพการดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 เพื่อลดการเสียชีวิตให้น้อยที่สุด

นายมานิตกล่าวว่า การดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจระดับหนึ่งก็ตาม แต่เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นใหม่ในโลกและระบาดต่อเนื่องเป็นเวลา 5 เดือน เชื้อไวรัสก่อโรคยังเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้กันใหม่อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมาตรการรับมือการรักษาพยาบาลผู้เจ็บป่วย จะต้องปรับปรุงและปรับเปลี่ยนตามองค์ความรู้ใหม่ที่ได้ ซึ่งโรงพยาบาลเป็นหน่วยบริการสาธารณสุขที่มีโอกาสพบผู้ป่วยเป็นลำดับแรกๆ และมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง จะสามารถตรวจจับการระบาดของโรคได้ และให้การดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จะทำให้ผู้ป่วยรอดชีวิตหายเป็นปกติได้

ล่าสุด องค์การอนามัยโลกคาดการณ์เมื่อ18 กันยายน 2552 ว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั่วโลกอย่างน้อย 296,471 คน เสียชีวิตอย่างน้อย 3,486 คน มากที่สุดที่ทวีปอเมริกา 2,625 คน ในส่วนของไทยมีผู้เสียชีวิตจนถึงวันที่ 23 กันยายน 2552 ทั้งหมด 160 ราย โดยแนวโน้มการเสียชีวิตลดลง ในภาพรวมทั้งประเทศขณะนี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังคงแพร่กระจายทุกพื้นที่ต่อเนื่อง เฉลี่ยแล้วในประชากรไทยทุกหนึ่งแสนคน จะพบผู้ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ประมาณ 38 คน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือประชาชนทุกคนปฏิบัติตัวดูแลตนเองป้องกันไม่ให้ป่วย และเมื่อป่วยแล้วต้องช่วยกันป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายสู่คนอื่นตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ได้เพิ่มช่องทางเผยแพร่ความรู้ผ่านทางวิทยุชุมชนแล้วกว่า 4,000 แห่ง และยังเปิดสายด่วนไข้หวัดใหญ่ 1422 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด

นายมานิตกล่าวด้วยว่า ได้มอบนโยบายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ควบคุม กำกับ สถานพยาบาลทุกแห่งในพื้นที่ ให้ดำเนินตามมาตรการ 2 ลด 3 เร่ง อย่างเข้มข้น เน้นใน 3 กลุ่มหลัก กลุ่มแรก คือ กลุ่มแพทย์ พยาบาล ในโรงพยาบาล ขอให้ติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามแนวทางการรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด กลุ่มที่ 2 คือ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานีอนามัย ซึ่งเป็นสถานบริการด่านแรกของประชาชนในเขตชนบท ให้เร่งรัดเสริมความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้อย่างทั่วถึง เพื่อให้สามารถคัดกรองผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและถูกต้อง และกลุ่มที่ 3 คือ ประชาชนทั่วไป ให้เน้นย้ำมาตรการป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ การล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นหวัด รวมทั้งการดูแลตนเองเบื้องต้น และไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็วหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมง นอกจากนี้ ขอให้แต่ละจังหวัดจัดทำฐานข้อมูลกลุ่มบุคคลและพื้นที่เสี่ยงเกิดการแพร่ระบาด เพื่อเข้าไปดูแลเฝ้าระวังป้องกันการแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด

***************** 28 กันยายน 2552

วิทยา สั่งระดมกำลังเร่งรัดมาตรการป้องกันควบคุม โรคฉี่หนู รับมือการระบาดช่วงปลายฝนต้นหนาว

at 11:57 AM

วิทยา สั่งระดมกำลังเร่งรัดมาตรการป้องกันควบคุม โรคฉี่หนู รับมือการระบาดช่วงปลายฝนต้นหนาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดมาตรการรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนทั่วประเทศ และให้ส่วนกลางจัดรองเท้าบู้ทพร้อมเอกสารความรู้สนับสนุนเต็มที่ เพื่อป้องกันควบคุมโรคฉี่หนูที่พบระบาดมากช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปีนี้ตั้งแต่ 1 มกราคม-19 กันยายน 2552 ...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา สั่งระดมกำลังเร่งรัดมาตรการป้องกันควบคุม โรคฉี่หนู รับมือการระบาดช่วงปลายฝนต้นหนาว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดมาตรการรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนทั่วประเทศ และให้ส่วนกลางจัดรองเท้าบู้ทพร้อมเอกสารความรู้สนับสนุนเต็มที่ เพื่อป้องกันควบคุมโรคฉี่หนูที่พบระบาดมากช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือนสิงหาคม-ตุลาคม ปีนี้ตั้งแต่ 1 มกราคม-19 กันยายน 2552 พบผู้ป่วยแล้วกว่า 2,500 ราย ใน 65 จังหวัด โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ป่วยสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศทุกปี

เช้าวันนี้ (28 กันยายน 2552) ที่โรงแรมริมปาว จ.กาฬสินธุ์ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมมอบนโยบายการป้องกันควบคุมโรคเลปโตสไปโรสิส และโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขในพื้นที่ และเดินทางไปเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคเลปโตสไปโรสิส ที่บ้านโคกเครือ หมู่ 3 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมแจกเอกสารความรู้และรองเท้าบู้ทแก่ประชาชน

นายวิทยา กล่าวว่า โรคเลปโตสไปโรสิส หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า โรคฉี่หนู นับเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตสูงที่สุดของประเทศทุกปี ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 มีอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างที่ต้องย่ำน้ำย่ำโคลน มีอายุระหว่าง 35-54 ปี ซึ่งอยู่ในวัยแรงงาน โดยเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 5 เท่า เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักจะมีร่างกายแข็งแรง จึงไม่ค่อยมีความกังวลเรื่องสุขภาพมากนัก หากเจ็บป่วยส่วนใหญ่จะซื้อยากินเอง ทำให้มีความเสี่ยงจะได้รับเชื้อโรคฉี่หนูและอาการรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ได้มอบนโยบายให้ทุกพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคนี้ เร่งรัดมาตรการรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึง โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ในชุมชน เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน รวมทั้งอสม. เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรค และลดอัตราการป่วยและตายให้มากที่สุด และให้กรมควบคุมโรคจัดเตรียมรองเท้าบู้ท สื่อเอกสาร แผ่นพับ ใบปลิว กระจายไปยังสำนักงานควบคุมโรคทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ พร้อมให้การสนับสนุนทุกพื้นที่ตลอดเวลา

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคเลปโตสไปโรสิส พบการระบาดมากในช่วงปลายฝนต้นหนาว หรือประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคมของทุกปี สาเหตุเกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ เลปโต สไปรา (Leptospira sp.) ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีน้ำท่วมขังหรือเฉอะแฉะ โดยมีหนูเป็นพาหะนำโรคสู่สิ่งแวดล้อม เชื้อจะไชเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังที่มีบาดแผล รอยขีดข่วนหรือถลอก ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องเดินย่ำน้ำลุยโคลน เช่น ลงเบ็ดตกปลา ทำนา จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้มากกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งแต่ละปีจะพบผู้ป่วยและตายจากโรคนี้จำนวนมาก โดยปี 2550 มีผู้ป่วย 3,279 ราย ตาย 54 ราย ปี 2551 ป่วย 4,210 ราย ตาย 73 ราย สำหรับปี 2552 จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-19 กันยายน 2552 พบผู้ป่วยแล้ว 2,618 ราย จาก 65 จังหวัด ตาย 16 ราย โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบผู้ป่วยสูงสุด 1,731 ราย รองลงมาเป็น ภาคใต้ 472 ราย ภาคเหนือ 302 ราย และภาคกลาง 113 ราย

อาการสำคัญของโรคคือ ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อมาก โดยเฉพาะบริเวณน่องและโคนขา ส่วนใหญ่มีอาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 4-10 วัน ผู้ที่มีความเสี่ยงเกิดโรคจึงควรสวมรองเท้าบู้ททุกครั้งที่ต้องเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือทำไร่ทำนา หากจำเป็นต้องแช่น้ำและไม่สามารถใส่รองเท้าบู้ทได้ ควรขึ้นจากน้ำเป็นระยะๆ และทำความสะอาดร่างกาย ดูแลความสะอาดบ้านเรือนและกำจัดขยะไม่ให้เป็นที่อยู่และแหล่งอาหารของหนู เก็บอาหาร/ปิดโอ่งน้ำหรือขันน้ำให้มิดชิด และอุ่นอาหารให้ร้อนก่อนกิน ในช่วงเวลา 7 วันที่มีการลุยน้ำย่ำโคลน หากมีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการทำงานที่ต้องลุยน้ำย่ำโคลนให้ทราบ เพื่อการวินิจฉัยรักษาที่รวดเร็ว

ด้านนายแพทย์พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จังหวัดกาฬสินธุ์มีอัตราป่วยด้วยโรคเลปโตสไปโรสิสอยู่ในลำดับที่ 1-2 ของประเทศทุกปี ในปีนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม-23 กันยายน 2552 พบผู้ป่วยทั้งหมด 187 ราย ตาย 3 ราย ได้ระดมความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด เพื่อลดปัญหาความรุนแรงของโรค โดยที่ผ่านมาได้จัดประชุมเสริมความรู้แก่แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วในทุกอำเภอ พร้อมประชาสัมพันธ์ความรู้ทางวิทยุชุมชนและหอกระจายข่าวในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับให้อสม.ออกเคาะประตูบ้านให้ความรู้และคัดกรองผู้มีอาการน่าสงสัย นำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้าน ช่วยให้ได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์อย่างรวดเร็ว

**************************************28 กันยายน 2552
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามแนะนำกินอาหารมีประโยชน์ปลอดภัยจากโรคหัวใจ

at 11:51 AM

มหาสารคามแนะนำกินอาหารมีประโยชน์ปลอดภัยจากโรคหัวใจ 2552 มหาสารคามแนะนำกินอาหารมีประโยชน์ปลอดภัยจากโรคหัวใจ โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม แนะนำนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนจะต้องรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลเพื่อป้องกันโรคหัวใจ นายแพทย์สุนทร ยนต์ตระกูลผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบันโรคหัวใจ และหลอดเล...
วันที่ 28 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามแนะนำกินอาหารมีประโยชน์ปลอดภัยจากโรคหัวใจ

2552






มหาสารคามแนะนำกินอาหารมีประโยชน์ปลอดภัยจากโรคหัวใจ

โรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม แนะนำนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกคนจะต้องรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลเพื่อป้องกันโรคหัวใจ
นายแพทย์สุนทร ยนต์ตระกูลผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบันโรคหัวใจ และหลอดเลือด เป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีอัตราการป่วยเพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ของคนไทย ทั้งนี้เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต และพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกหลักโภชนาการ กินอาหารประเภทไขมันสูง ย่อยยาก อาหารประเภทแป้ง น้ำตาลมาก จะทำให้ระดับไขมันในเลือดสูง ทำให้หลอดเลือดแดงแคบลง และเลือดไหลผ่านไม่สะดวก สุดท้ายเมื่อหัวใจขาดเลือด จะมีอาการเจ็บหน้าอก เจ็บหัวใจขณะออกแรงหรือมีอาการเครียด อาจทำให้เสียชีวิตอย่างกะทันหัน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เร่งให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรง ในปี 2552 โรงพยาบาลมหาสารคามได้จัดรณรงค์วันหัวใจโลกขึ้น ในวันที่ 29 กันยายน 2552 ณ ลานดอกปีปโดยมีคำขวัญที่ว่า กินถูกหลัก รักการเคลื่อนไหว ห่างไกลบุหรี่ หัวใจแข็งแรง มีการจัดนิทรรศการความรู้ ถามตอบปัญหามีรางวัล การเต้นท์แอโรบิค การตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจสุขภาพเบื้องต้นด้วยการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบเอว วัดความดันโลหิต และคำนวณดัชนีมวลกาย สำหรับการป้องกันควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับเพศกับวัย ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที โดยให้หลักการง่าย ๆ 3 ป. คือ ประโยชน์ ประหยัด ปลอดภัย และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหวานจัด เค็ม มัน เพิ่มการรับประทานผักสด ผลไม้ อาหารที่มีกากใย รับประทานผักอย่างน้อยวันละ 5 ทัพพี 5 สี เช่น ผักใบเขียว เหลือง ส้ม ขาว ม่วง และอาหารจากธรรมชาติปลูกเอง ปลอดสารพิษ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม ไม่เครียด ไม่โกรธ พักผ่อนให้เพียงพอ มีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหน้าอก หายใจขัด หอบ หายใจลำบาก รีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อความปลอดภัยจากโรคหัวและหลอดเลือด
อรณต วัฒนะ ข่าว / พิมพ์ 28 กันยายน 52


แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม

at 12:46 AM

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม วันที่ 21 กันยายน 2552 ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคาร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้มีการจัดประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป...
วันที่ 27 ก.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี จัดประชุมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี
จัดประชุมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม

วันที่ 21 กันยายน 2552 ณ ห้องประชุมชั้น 6 อาคาร 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้มีการจัดประชุมโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการดูแลผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม โดยแผนกศัลยกรรมกระดูก มีหน้าที่ให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุหรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อ ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้นทุกปี จากสถิติผู้ป่วย ปี 2549 2551 พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม 2793,3342,3484 ราย ตามลำดับ ซึ่งในจำนวนนี้ มีผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัด 34,42,35 ราย ตามลำดับ ซึ่งโรคนี้มีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมาน มีปัญหาเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรังการรักษาใช้เวลานาน ตระหนักในความสำคัญที่ต้องพัฒนาบุคลากรเพื่อให้มีความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน เพื่อให้ผู้ป่วยปลอดภัย โดยการดูแลที่ต่อเนื่อง ตั้งแต่แรกรับ จนกระทั่งจำหน่ายผู้ป่วยกลับบ้านและขยายเครือข่ายการดูแลให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งมีแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด เข้าร่วมประชุม จำนวน 200 คน
การประชุมในครั้งนี้ เพื่อให้ผู้รับการอบรมมีความรู้และทักษะ สามารถให้การดูแลผู้ป่วยภาวะข้อเข่าเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการพัฒนาศักยภาพเครือข่าย ผู้ดูแลให้ครอบคลุมทั้งในโรงพยาบาล PCU และโรงพยาบาลชุมชนต่อไป

วิริยาภรณ์ ข่าว/พิมพ์

แหล่งข่าวโดย.... งานประชาสัมพันธ์ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ [27/ก.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)
Thai Health Article (Thailand) | RSS Subscribe | Go to top