หมอ ชี้อันตราย ง่วง สภาพเหมือนคนหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต ขับแล้วเสี่ยงตาย

Thursday, December 31, 2009 at 3:48 PM

หมอ ชี้อันตราย ง่วง สภาพเหมือนคนหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต ขับแล้วเสี่ยงตาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนที่ดื่มฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ อาจอดนอนข้ามปี ทำให้ง่วง เสี่ยงอันตรายหากขับรถ เพราะสภาพร่างกายหลังง่วงไม่ต่างจากคนหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต หากโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์เสริมด้วย จะออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้ง่วงนอนหนักไปอีก ผลวิจัยในต่างประเทศ พ...
วันที่ 31 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

หมอ ชี้อันตราย ง่วง สภาพเหมือนคนหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต ขับแล้วเสี่ยงตาย


ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนที่ดื่มฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ อาจอดนอนข้ามปี ทำให้ง่วง เสี่ยงอันตรายหากขับรถ เพราะสภาพร่างกายหลังง่วงไม่ต่างจากคนหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต หากโดนฤทธิ์แอลกอฮอล์เสริมด้วย จะออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้ง่วงนอนหนักไปอีก ผลวิจัยในต่างประเทศ พบว่าถ้าอดนอน 24 ชั่วโมงประสิทธิภาพการทำงานร่างกายจะเท่ากับคนที่มีแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ผลปฏิบัติงานหน่วยแพทย์ฉุกเฉินในรอบ 2 วัน รถหวอออกช่วยเหลือทุกครึ่งนาที
วันนี้ (31 ธันวาคม 2552) นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมการรับมือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2553 ที่โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี ว่า ในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันที่เกิดอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด โดยในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีผู้บาดเจ็บ 960 ราย เสียชีวิต 87 ราย ได้กำชับให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง ให้เสริมกำลังแพทย์ พยาบาล เพิ่มที่ห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ไอซียู เพิ่มอีก 1-2 เท่าตัว สำรองเตียงในหอผู้ป่วยอุบัติเหตุและศัลยกรรมเพิ่มอีกร้อยละ 10 และคลังเลือดครบทุกหมู่ เพื่อให้เพียงพอต่อการให้ความช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บ เพื่อลดการเสียชีวิตให้ไม่เกินร้อยละ 2 ตามเป้าหมายที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ประการสำคัญในวันนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่าและรับปีใหม่ จะมีการดื่มเฉลิมฉลองกันมาก อาจส่งผลให้การพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการง่วงนอน ซึ่งหากไปขับขี่อาจหลับในอย่างไม่รู้ตัว และไม่สามารถบังคับได้ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น การหลับในทำให้สมองหลับไปแวบหนึ่ง สภาพจึงเสมือนกับคนหูหนวก ตาบอด เป็นอัมพาต หรือหมดสติไปช่วงหนึ่ง บางครั้งอาจเกิดร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์ อุบัติเหตุที่เกิดจากการหลับในมักเกิดในช่วงเวลาดึก มีความรุนแรงสูง ขับมาคันเดียว หรือขับคนเดียว บนถนนไฮเวย์ ถนนโล่ง หรือทางยาว ทั้งนี้ ผลการวิจัยของประเทศออสเตรเลียพบว่า คนที่อดนอนติดต่อ 18 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะลดลงเท่ากับคนที่มีแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากอดนอนติดต่อกัน 24 ชั่วโมงจะเท่ากับคนที่มีแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ขอย้ำเตือนให้ประชาชนที่จะต้องขับขี่รถ ให้พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง หากนอนน้อยกว่านี้จะเกิดการอดนอนและเป็นหนี้การนอนสะสมไปเรื่อย ๆ ต้องชดใช้ด้วยการนอนหลับเท่านั้น โดยสัญญาณอันตรายที่ผู้ขับรถที่เกิดอาการง่วง มี 8 ข้อ คือ 1.หาวนอนบ่อย 2.ใจลอยไม่มีสมาธิ 3.หงุดหงิดกระวนกระวาย 4.จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาในช่วง 2-3 กิโลเมตร 5.ตาปรือ ลืมตาไม่ขึ้น มองเห็นภาพไม่ชัด 6.มึนศีรษะ 7.ขับรถส่ายหรือออกนอกเส้นทาง และ8.มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร โดยช่วงเวลาที่จะง่วงนอนและเกิดอุบัติเหตุได้บ่อยคือหลังเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า นายแพทย์ไพจิตร์กล่าว
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวอีกว่า สำหรับผลการปฏิบัติงานด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ในรอบ 2 วัน ตั้งแต่ 29-30 ธันวาคม 2552 ปฏิบัติการทั้งหมด 6,898 ครั้ง เฉลี่ยออกปฏิบัติการทุกครึ่งนาที ในจำนวนนี้เป็นผู้บาดเจ็บหนัก 1,029 ครั้ง เป็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรทั้งหมด 2,466 ครั้ง ป่วยฉุกเฉิน 3,395 ครั้ง โดยแจ้งผ่าน 1669 รวม 3,513 ครั้ง เฉพาะที่โรงพยาบาลสระบุรี มีผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษา 97 ราย ต้องนอนโรงพยาบาล 16 รายส่วนใหญ่เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และเมาสุราประมาณร้อยละ 40-50
*********************** 31 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [31/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.พบกลยุทธ์แม่ค้าพ่อค้าหลบขายเหล้าเบียร์หน้าร้าน แอบขายหลังร้านแทน

at 2:31 PM

สธ.พบกลยุทธ์แม่ค้าพ่อค้าหลบขายเหล้าเบียร์หน้าร้าน แอบขายหลังร้านแทน กระทรวงสาธารณสุข ออกตรวจเข้มการขายเหล้าเบียร์ในร้านค้าทั่วประเทศ เน้นตรวจเข้ม 3 เรื่องคือสถานที่ห้ามขาย เวลาห้ามขายและบุคคลที่ห้ามขาย ผลการออกสุ่มตรวจที่ปราจีนบุรี พบกระทำผิดซ้ำซากไม่สนกฎหมาย 5 ราย และใช้กลยุทธ์ใหม่โดยแอบขายหลังร้านแทน วอนประชาชนช่วยแจ้...
วันที่ 31 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.พบกลยุทธ์แม่ค้าพ่อค้าหลบขายเหล้าเบียร์หน้าร้าน แอบขายหลังร้านแทน

กระทรวงสาธารณสุข ออกตรวจเข้มการขายเหล้าเบียร์ในร้านค้าทั่วประเทศ เน้นตรวจเข้ม 3 เรื่องคือสถานที่ห้ามขาย เวลาห้ามขายและบุคคลที่ห้ามขาย ผลการออกสุ่มตรวจที่ปราจีนบุรี พบกระทำผิดซ้ำซากไม่สนกฎหมาย 5 ราย และใช้กลยุทธ์ใหม่โดยแอบขายหลังร้านแทน วอนประชาชนช่วยแจ้งเบาะแสที่หมายเลข 0 2590 3342 ตลอด24 ชั่วโมง
นายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวถึงการป้องกันอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่จากการดื่มแอลกอฮอล์ว่า กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานโดยตรงที่ต้องดูแล ผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต ในช่วงนี้จะคุมเข้มในเรื่องกฎหมาย พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยห้ามขายห้ามดื่มในสถานที่ห้าม ห้ามขายในบุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามขายนอกเวลาที่กำหนด โดยเฉพาะในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และสวนสาธารณะ เนื่องจากเป็นจุดที่มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก
จากการสุ่มตรวจที่สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง จังหวัดปราจีนบุรีเมื่อวันที่30 ธันวาคม 2552 พบว่า มีร้านค้า 5 ร้าน ในปั๊มน้ำมัน 2 แห่ง จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นร้านเดิมที่กระทำผิดซ้ำซาก เตือนมาแล้ว 5 ครั้ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดจึงได้ร่วมกับตำรวจ และสรรพสามิตจังหวัด จับกุมดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ ทั้ง 5 ราย โดยทั้งผู้ขายและเจ้าของปั๊มน้ำมันที่ฝ่าฝืน มีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายแพทย์สมานกล่าวต่อว่า ไม่อยากให้บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเอาช่วงเทศกาลเป็นนาทีทองของการขายสินค้า ทำการตลาดโดยการลดแลก แจกแถม จากคนที่จะดื่มเพียง1ขวด ถ้าหากมีการโฆษณาว่าซื้อ2 แถม1 ก็จะทำให้คนนั้นดื่มเพิ่มขึ้นอีก 2 ขวด จะทำให้เกิดความเมาและเกิดอันตรายหากขับขี่ได้ สำหรับมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปีนี้ ยังไม่มีมาตรการใหม่เพิ่มเติม จะเน้นมาตรการเดิมที่ระบุในกฎหมายอย่างเข้มงวด แต่ถ้าปีนี้ใช้มาตรการตามกฎมายอย่างเต็มที่แล้ว แต่จำนวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ยังไม่ลด ก็จะมาพิจารณากันอย่างจริงจัง เพราะสิ่งที่ทำมาอาจยังไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา อาจต้องเพิ่มมาตรการใหม่ๆขึ้นอีก
จากการตรวจในรอบ 2 วันมานี้ พบว่าผู้ประกอบการมักหลีกเลี่ยงการกระทำผิด โดยไม่ได้ตั้งเหล้าเบียร์โชว์ให้เห็นหน้าร้าน แต่จะมีการแช่ไว้ในถังน้ำแข็งหลังร้านจำนวนมาก ถ้ามีประชาชนมาถามซื้อ จึงจะนำออกมาขาย กระทรวงสาธารณสุขอาจจะมีการล่อซื้อและดำเนินคดี โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวที่ประชาชนนิยมไปกันมากๆ เช่นยอดดอย มักจะมีเหล้าเบียร์ที่บริเวณทางขึ้น หรือในปั๊มน้ำมัน หรือร้านค้าที่ตั้งข้างถนนชั่วคราว อยากขอความร่วมมือทุกจังหวัด อย่าให้มีการขาย เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน ร่วมกันแจ้งเบาะแสผู้ประกอบการที่กระทำความผิดที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาเหล้าบุหรี่ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 02 590 3342 ตลอด 24 ชั่วโมง นายแพทย์สมานกล่าว
********************************** 31 ธันวาคม 2552
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [31/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. เตือนผู้ขับขี่รถทุกประเภท หากดื่มฉลองปีใหม่ อย่าขับรถ

at 1:14 PM

สธ. เตือนผู้ขับขี่รถทุกประเภท หากดื่มฉลองปีใหม่ อย่าขับรถ สาธารณสุข เตือนผู้ขับขี่รถทุกประเภท หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่าขับรถจะดีที่สุด พร้อมเฝ้าระวังเข้มงวด การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเวลา สถานที่ และบุคคลที่ห้ามจำหน่าย เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชี้การขับรถจะมีสมาธิดีที่สุดในช่วง 45 นา...
วันที่ 31 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. เตือนผู้ขับขี่รถทุกประเภท หากดื่มฉลองปีใหม่ อย่าขับรถ


สาธารณสุข เตือนผู้ขับขี่รถทุกประเภท หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่าขับรถจะดีที่สุด พร้อมเฝ้าระวังเข้มงวด การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเวลา สถานที่ และบุคคลที่ห้ามจำหน่าย เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ชี้การขับรถจะมีสมาธิดีที่สุดในช่วง 45 นาทีแรกหลังขับ และควรหยุดพักทุก 2 ชั่วโมง
วันนี้ (31 ธันวาคม 2552) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศิริศักดิ์ วรินทราวาท รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผอ.สำนักโรคไม่ติดต่อ เยี่ยมจุดตรวจร่วมถนนสายหลัก ที่จุดตรวจท่าสะอ้าน อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน พัทยา จ.ชลบุรี และตรวจเยี่ยมเทศบาลนครพัทยา โดยเป็นจุดให้บริการร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ อปพร. องค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อให้บริการประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจราจร เริ่มให้บริการตั้งแต่ 29 ธันวาคม 2552 4 มกราคม 2553 โดยได้แจกการ์ดอวยพรปีใหม่ 2553 เป็นรูปหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อวยพรให้โชคดี เดินทางปลอดภัยทุกคน ส่วนด้านหลังการ์ดพิมพ์คำเตือน ห้ามดื่มเหล้าเบียร์ในปั๊มและห้ามขายเหล้าอายุต่ำกว่า 20 ปี ให้ความรู้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พ.ศ. 2551 และแจกถุงผ้าของโครงการสวัสดีปีใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ ภายในถุงมียาแก้ปวดลดไข้ ยาหม่อง ลูกอม เพื่อใช้ระหว่างเดินทาง
นายมานิต กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2550-2552 ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นวันละ 607 ครั้งสูงกว่าช่วงปกติ 2 เท่าตัว และทุกๆ 16-25 นาทีจะมีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจากอุบัติเหตุจราจร 1 คน การดื่มเหล้าแล้วขับรถ เพิ่มความเสี่ยงบาดเจ็บและตายสูงกว่าคนไม่ดื่ม 6-9 เท่าตัว ต่อปีมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจรจรและเมาสุราปีละ 13,000 ราย มากเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง ส่วนในกลุ่มที่บาดเจ็บพบร้อยละ 40-60 ดื่มเหล้าด้วย ซึ่งในปีนี้ตามแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ตั้งเป้าลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บลงจากปี 2552 ร้อยละ 5
จึงขอเตือนผู้ขับขี่ หากดื่มเฉลิมฉลอง อย่าขับรถจะดีที่สุด ควรให้ผู้ที่ไม่ดื่มขับรถจะดีกว่า เนื่องจากหากเมาแล้วขับมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ซึ่งโดยทั่วไปผู้ที่ขับรถจะมีสมาธิดีที่สุดในช่วง 45 นาทีแรกหลังขับ และควรหยุดพักทุก 2 ชั่วโมงจะทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพ ไม่มีปัญหาวูบ หลับใน ทั้งนี้ได้ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ เตรียมพร้อมทั้งแพทย์ พยาบาล และอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เลือด ให้เพียงพอช่วยชีวิตผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง หากประชาชนเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถโทรแจ้ง 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง นายมานิต กล่าว
นายมานิต กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เฝ้าระวังป้องกันพฤติกรรมเสี่ยง มีการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามพ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปั๊มน้ำมัน และในสวนสาธารณะของทางราชการที่ให้ประชาชนพักผ่อน หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และผู้ที่มึนเมาจนครองสติไม่ได้ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตลอดจนห้ามจำหน่ายสุราแบบเร่ขาย หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้เวลาที่กฎหมายกำหนดให้ขายคือ 11.00-14.00 น. และ 17.00-24.00 น. เท่านั้น
************************************** 31 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [31/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ตาก จัดประชุมคณะกรรมการจัดงานกีฬาของสาธารณสุข

Wednesday, December 30, 2009 at 6:18 PM

สสจ.ตาก จัดประชุมคณะกรรมการจัดงานกีฬาของสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก จัดประชุมคณะกรรมการกีฬา โดยมีเจ้าหน้าที่ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก โรงพยาบาลชุมชน และสาธารณสุขอำเภอเข้าร่วมประชุม ในวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ณ ห้องประชุมไม้งาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ตาก จัดประชุมคณะกรรมการจัดงานกีฬาของสาธารณสุข

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก จัดประชุมคณะกรรมการกีฬา โดยมีเจ้าหน้าที่ของ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก โรงพยาบาลชุมชน และสาธารณสุขอำเภอเข้าร่วมประชุม ในวันที่ 30 ธันวาคม 2553 ณ ห้องประชุมไม้งาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก[ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - DSC02735.JPG ] แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

อภิสิทธิ์ ให้สธ.ทบทวนรายละเอียดโครงการไทยเข้มแข็ง เปิดไฟเขียวรายการที่ไม่มีปัญหา

at 5:05 PM

อภิสิทธิ์ ให้สธ.ทบทวนรายละเอียดโครงการไทยเข้มแข็ง เปิดไฟเขียวรายการที่ไม่มีปัญหา นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงสาธารณสุข ทบทวนรายละเอียดโครงการไทยเข้มแข็ง รายการใดที่ไม่มีปัญหาให้เดินหน้าต่อ รายการที่มีปัญหาพื้นที่ไม่ต้องการให้ยกเลิกและส่งเงินคืนคลัง ส่วนรายการที่ราคาสูงให้ปรับลดและเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็วที่สุด นายแพทย์ไพจ...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

อภิสิทธิ์ ให้สธ.ทบทวนรายละเอียดโครงการไทยเข้มแข็ง เปิดไฟเขียวรายการที่ไม่มีปัญหา

นายกรัฐมนตรี ให้กระทรวงสาธารณสุข ทบทวนรายละเอียดโครงการไทยเข้มแข็ง รายการใดที่ไม่มีปัญหาให้เดินหน้าต่อ รายการที่มีปัญหาพื้นที่ไม่ต้องการให้ยกเลิกและส่งเงินคืนคลัง ส่วนรายการที่ราคาสูงให้ปรับลดและเดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็วที่สุด

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่าภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล กทม. บ่ายวันนี้ (30 ธันวาคม 2552) ว่า ในวันนี้ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรียนข้อมูลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2555 ของกระทรวงสาธารณสุข และขอนโยบายการทำงาน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานอย่างรอบคอบ ลดปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะสนองนโยบายรัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ทบทวนรายละเอียดในโครงการ ในรายการที่ไม่มีปัญหาให้เดินหน้าโครงการต่อไป ส่วนรายการที่มีปัญหา เช่นครุภัณฑ์ อุปกรณ์การแพทย์ บางรายการที่โรงพยาบาลไม่ต้องการ ขอให้ยกเลิก และครุภัณฑ์หรือสิ่งก่อสร้างที่มีราคาสูง ก็ให้ปรับลดราคาลง วงเงินที่เหลือให้ส่งคืนสำนักงบประมาณ ไม่ต้องขอรายการใหม่ขึ้นมา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ และเดินหน้าโครงการต่อไป

สำหรับข้อสรุปของคณะกรรมการ ชุด อ.บรรลุ ศิริพานิช ที่สรุปว่า งบประมาณมีการกระจุกตัวในส่วนของโรงพยาบาลขนาดใหญ่มากเกินไป ในเรื่องนี้ท่านนายกฯ มีความคิดเห็นว่า เป็นเรื่องของนโยบายการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ในการพัฒนาระบบบริการ ถ้าไม่มีปัญหาก็ให้เดินหน้าโครงการต่อไป โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ขอเวลาในการทำงานเพิ่ม เนื่องจากเป็นข้อจำกัดที่ทำให้โครงการนี้เกิดปัญหา ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรอบคอบ

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะพยายามเดินหน้าโครงการไทยเข้มแข็งต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล โดยโครงการนี้ แปลงมาจากเมกะ โปรเจค เพื่อให้เกิดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างรวดเร็ว โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้รับจัดสรรงบประมาณ 86,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการยกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 14,000 ล้านบาท การพัฒนาโรงพยาบาลชุมชน 13,000 ล้านบาท และการพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป 20,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการพัฒนาศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางอีกประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะนำนโยบายที่นายกรัฐมนตรีมอบในวันนี้ เป็นแนวทางการทำงานให้โครงการนี้เดินหน้าต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยเร็วที่สุด

********************************** 30 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

lสสจ.ตาก จัดประชุมคณะกรรมการวางแผนประเมินผล ประจำเดือน ธันวาคม 2552

at 4:41 PM

lสสจ.ตาก จัดประชุมคณะกรรมการวางแผนประเมินผล ประจำเดือน ธันวาคม 2552 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก จัดประชุมคณะกรรมการวางแผนประเมินผลประจำเดือน ธันวาคม 2552 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ณ ห้องประชุมหนองหลวง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

lสสจ.ตาก จัดประชุมคณะกรรมการวางแผนประเมินผล ประจำเดือน ธันวาคม 2552

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก จัดประชุมคณะกรรมการวางแผนประเมินผลประจำเดือน ธันวาคม 2552 ในวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ณ ห้องประชุมหนองหลวง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก[ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - DSC02732.JPG ] แหล่งข่าวโดย.... ปราณี สารวิทย์ งานประชาสัมพันธ์ ฝ่ายบริหารทั่วไป [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.พัทลุง เตือนประชาชนให้ระวังอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2553

at 3:04 PM

สสจ.พัทลุง เตือนประชาชนให้ระวังอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2553 นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน)ชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เตือนประชาชนร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2553 นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ชำนาญการพิเศษ ...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.พัทลุง เตือนประชาชนให้ระวังอุบัติเหตุจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปี 2553

นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน)ชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เตือนประชาชนร่วมมือร่วมใจ ช่วยกันลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2553

นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ชำนาญการพิเศษ เปิดเผยว่า อุบัติเหตุเป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่งของจังหวัดพัทลุง ที่ทำให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และมักจะมีการเกิดอุบัติเหตุจากการจราจรมากในช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ เป็นต้น เนื่องจากมีการสัญจร และใช้ถนนกันมาก อีกทั้งมีการเลี้ยงพบปะสังสรรค์ด้วย จากการรายงานการเฝ้าระวังการบาดเจ็บของสถานบริการสาธารณสุขในจังหวัดพัทลุง ช่วงเทศกาลส่งท้าย ปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ปี 2552 พบว่ามีการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางถนนที่มีผู้บาดเจ็บมารับการรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 154 คน และมีผู้บาดเจ็บรักษาต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จำนวน 27 คน และเสียชีวิต จำนวน 4 คน

ข้อมูลการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2551 5 มกราคม 2552 ผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจรทางบก ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย จำนวน 88 คน ร้อยละ 57.14 และ เพศหญิง จำนวน 66 คน ร้อยละ 42.86 ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 10 19 ปี จำนวน 37 คน ร้อยละ24.03 รองลงมา คือ อายุ 20 29 ปี จำนวน 34 คน ร้อยละ 20.08 สาเหตุของการบาดเจ็บส่วนใหญ่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์ 134 คน ร้อยละ 87.01 โดยเป็นผู้ขับขี่ 134 คน ร้อยละ 73.140 จำนวนผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุจาราจรส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจาก มีสิ่งกีดขวางจำนวน 30 ราย ร้อยละ 19.48 รองลงมา การดื่มสุรา จำนวน 25 คน ร้อยละ 16.23 และการขับขี่ยานพาหนะตัดหน้ากระชั้นชิด จำนวน 25 คน ร้อยละ16.23

สำหรับช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ 2553 นี้ มีการรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการจราจรทางบกระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2553 จังหวัดพัทลุง มีข้อแนะนำในการป้องกันไม่ให้ เกิดอุบัติเหตุจราจร คือ การปฏิบัติตามมาตรการ 3 ม. 2 ข. 1 ร. (เมาไม่ขับ ,สวมหมวกนิรภัย, มอเตอร์ไซด์ปลอดภัย , มีใบขับขี่ ,คาดเข็มขัดนิรภัย และขับขี่รถไม่เกินความเร็วที่กำหนด) และก่อนเดินทางต้อง เตรียมคนและสภาพรถให้พร้อมสำหรับการเดินทางมีแผนการเดินทางที่ชัดเจน และสำรวจเส้นทางที่จะใช้ เพื่อความสะดวกในการตัดสินใจในการเดินทางท่องเที่ยว เมื่อพบเห็นอุบัติเหตุหรือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน ใช้โทรศัพท์สายด่วน 1669 เรียกรถพยาบาลให้ความช่วยเหลือในการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุฟรี แหล่งข่าวโดย.... งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ สสจ.พัทลุง [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ตรัง รับมอบรางวัลรายงานอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ดีเด่น

at 1:27 PM

สสจ.ตรัง รับมอบรางวัลรายงานอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ดีเด่น กระทรวงสาธารณสุข มอบรางวัล ดีเด่น การรายงานอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ดีเด่นระดับเขตและจังหวัด ประจำปี พ.ศ.2552 ให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ซึ่งได้รับเกียรติบัตรพร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 นายแพทย์...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ตรัง รับมอบรางวัลรายงานอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ดีเด่น

กระทรวงสาธารณสุข มอบรางวัล ดีเด่น การรายงานอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (AEFI) ดีเด่นระดับเขตและจังหวัด ประจำปี พ.ศ.2552 ให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ซึ่งได้รับเกียรติบัตรพร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและเงินรางวัล ตัวแทนรับมอบ คือคุณทัยวิทย์ ชัยวิเศษ จากงานระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ณ โรงแรมเซนทารา ดวงตะวัน จ.เชียงใหม่ [ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - DSC014361.jpg ] แหล่งข่าวโดย.... สสจ.ตรัง [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ชี้ความจำเป็นลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งในโรงพยาบาลใหญ่ หากงบน้อยจะมีผลต่อภาคบริการผู้ป่วยในชนบท

at 11:57 AM

ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ชี้ความจำเป็นลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งในโรงพยาบาลใหญ่ หากงบน้อยจะมีผลต่อภาคบริการผู้ป่วยในชนบท ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ชี้การลงทุนพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปจำเป็นต้องทำ เพราะเป็นจุดรองรับผู้ป่วยหนัก หากอ่อนแอ ประชาชนในชนบทจะขาดที่พึ่งพิง และขาดความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตหลังเจ็บ...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ชี้ความจำเป็นลงทุนโครงการไทยเข้มแข็งในโรงพยาบาลใหญ่ หากงบน้อยจะมีผลต่อภาคบริการผู้ป่วยในชนบท

ชมรมโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ชี้การลงทุนพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไปจำเป็นต้องทำ เพราะเป็นจุดรองรับผู้ป่วยหนัก หากอ่อนแอ ประชาชนในชนบทจะขาดที่พึ่งพิง และขาดความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตหลังเจ็บป่วย งบที่ได้ขณะนี้ทั้งสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือแพทย์ ในพรก.และพรบ. รวม 24,720 ล้านบาท ยังไม่เพียงพอ ขาดอีก 14,000 ล้านบาท

นายแพทย์วีระพงษ์ เพ่งวาณิชย์ ประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ในวันนี้ (30 ธันวาคม 2552) ทางชมรมฯ ได้นำคณะ เข้าพบนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ข้อมูลการจัดสรรงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2555 พบว่า ในส่วนของงบตาม พรก.ของกระทรวงที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด 11,000 ล้านบาทนั้น โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งเป็นโรงพยาบาลจังหวัดขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน 94 แห่ง ได้งบประมาณราว 400 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.6 ของงบทั้งหมด ในขณะที่งบส่วนใหญ่ ทุ่มไปให้โรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

นายแพทย์วีระพงษ์กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสภาพอาคารต่างๆ ของโรงพยาบาลศูนย์ /โรงพยาบาลทั่วไป ร้อยละ 99 เป็นอาคารเก่า จำนวนเตียงจำกัด ทำให้สภาพผู้ป่วยนอนล้นออกนอกห้อง ต้องนอนตามทางเดิน ขณะที่โรงพยาบาลทุกแห่งไม่สามารถปฏิเสธการรับผู้ป่วย ทั้งที่มาด้วยตนเองและส่งต่อจากโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดได้ ซึ่งในระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลศูนย์ต้องรับผู้ป่วยส่งต่อจากโรงพยาบาลชุมชนเพิ่มจากเดิมร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 60 จึงมีความจำเป็นจะต้องมีการลงทุนพัฒนาระบบบริการของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ทั้งในเรื่องของสิ่งก่อสร้าง และเครื่องมือแพทย์ชนิดไฮเทคซับซ้อน ราคาแพง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วย ทั้งโรคเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคสูงอายุที่ต้องนอนโรงพยาบาลนาน ตามทิศทางการพัฒนาการแพทย์ของโลก เนื่องจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่เป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนในชนบท ที่มีสัดส่วนร้อยละ 80 ของทั้งประเทศ

นายแพทย์วีระพงษ์กล่าวต่อไปว่า งบที่ได้ขณะนี้ทั้งสิ่งก่อสร้างและเครื่องมือแพทย์ ในพรก.และพรบ. รวม 24,720 ล้านบาท ยังไม่เพียงพอ ขาดอีกประมาณ 14,000 ล้านบาท เมื่อพิจารณาความต้องการของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปสำรวจเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2552 มีความต้องการด้านครุภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ 11,000 ล้านบาท แต่ได้งบประมาณทั้งในส่วนพรก. และพรบ. รวม 5,000 ล้านบาท ยังขาดอีก 6,000 ล้านบาท ส่วนสิ่งก่อสร้างได้รับงบ 19,332 ล้านบาท ต้องการอีก 8,000 ล้านบาท หากได้รับการจัดสรรมั่นใจว่าบุคลากรที่ปฏิบัติงานในภูมิภาค จะเกิดความเชื่อมั่นต่อศักยภาพบริการที่จะมอบให้ผู้ใช้บริการ/ผู้ป่วย มากยิ่งขึ้น

หากโรงพยาบาลขนาดใหญ่อ่อนแอ หรือมีความไม่พร้อมในการรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยหนักแล้ว ชาวบ้านจะมีที่พึ่งที่ใด หรือมีความมั่นใจว่าชีวิตจะอยู่รอดปลอดภัยอย่างไร หรือถนนทุกสายจะเต็มไปด้วยรถพยาบาลขนผู้ป่วยหนักวิ่งเข้ารักษาในตัวกรุงเทพมหานครที่เดียว นายแพทย์วีระพงษ์กล่าว
********************************* 30 ธันวาคม 2552




















แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

ร้อยเอ็ด นำร่องตรวจมะเร็งลำไส้ ใหญ่ฯของประเทศ - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 11:50 AM

ร้อยเอ็ด นำร่องตรวจมะเร็งลำไส้ ใหญ่ฯของประเทศ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ที่อาคารศูนย์ประชุม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์วิชิต วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานบริหาร รพ.จุฬาลงกรณ์ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายการแพทย์ และ นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุข...
วันที่ 30 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

ร้อยเอ็ด นำร่องตรวจมะเร็งลำไส้ ใหญ่ฯของประเทศ


เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2552 ที่อาคารศูนย์ประชุม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ กรุงเทพมหานคร นายแพทย์วิชิต วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์จรัส สุวรรณเวลา รองประธานบริหาร รพ.จุฬาลงกรณ์ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายการแพทย์ และ นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลง โครงการความร่วมมือการพัฒนาระบบการป้องกันและควบคุมมะเร็ง ระหว่าง รพ. จุฬาภรณ์ กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล แด่ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่ทรงตระหนักถึงผลกระทบของโรคมะเร็งต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศและทรงมีพระปณิธานช่วยเหลือคนไทยที่ทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง มาโดยตลอด
ปี 2550 สถิติอัตราการเสียชีวิตของคนไทยด้วยโรคมะเร็ง จำนวน 53,434 ราย อันดับ1คือ มะเร็งปอด มะเร็งหลอดลม มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก โดยมะเร็งลำไส้ใหญ่-ทวารหนัก และ มะเร็งหลอดอาหาร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จังหวัดร้อยเอ็ด พบผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีสูงเป็นอันดับ 1 มาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่ทั่วโลก เมื่อปี 2548 มีผู้เสียชีวิตด้วยมะเร็งสูงถึง 7.6 ล้านคนและจะเพิ่มเป็น 11 ล้านคน ในปี 2563
จังหวัดร้อยเอ็ด จึงเป็นแห่งแรกของประเทศไทย ที่จะดำเนินการในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2553- 2557 โดยมีเป้าหมาย 10,000 คน เน้นมะเร็ง 2 กลุ่มคือ มะเร็งลำไส้ใหญ่-ทวารหนักและมะเร็งตับ-ท่อน้ำดี ในกลุ่มอายุ 50 ปี ขึ้นไปและกลุ่มเสี่ยงในชุมชน เพราะเป็นวัยที่พบมะเร็งมากที่สุด เช่น มีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ คนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งบุคลากรจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกับโรงพยาบาลร้อยเอ็ดและศัลยแพทย์รพ.จุฬาภรณ์พร้อมอุปกรณ์ ตรวจคัดกรอง ตรวจอุจจาระหาเซลล์เม็ดเลือด หากพบว่าผิดปกติจะตรวจยืนยันส่องกล้องลำไส้ใหญ่และทวารหนัก พร้อมส่งตัวเข้ารับการรักษา ที่ รพ. ร้อยเอ็ด และ รพ.จุฬาภรณ์ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว จะสามารถลดการเสียชีวิตได้ ถึงร้อยละ 40

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด
25 ธันวาคม 2552


แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา อำลาตำแหน่ง พร้อมฝากขรก.สธ.พิสูจน์ความขาวสะอาดโครงการไทยเข้มแข็งสธ.

Tuesday, December 29, 2009 at 6:22 PM

วิทยา อำลาตำแหน่ง พร้อมฝากขรก.สธ.พิสูจน์ความขาวสะอาดโครงการไทยเข้มแข็งสธ. นายวิทยา แก้วภราดัย อำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อบ่ายวันนี้ ยืนยันว่าตลอดเวลาที่บริหารงาน 1 ปี ได้ทำหน้าที่โดยสุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน เตือนใจข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขถือโครงการไทยเข้มแข็งเป็นบทเรียนสำคัญและต้องปกป้องชื่อเสียงกระทรวงฯ พร้อมพิสูจ...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา อำลาตำแหน่ง พร้อมฝากขรก.สธ.พิสูจน์ความขาวสะอาดโครงการไทยเข้มแข็งสธ.

นายวิทยา แก้วภราดัย อำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อบ่ายวันนี้ ยืนยันว่าตลอดเวลาที่บริหารงาน 1 ปี ได้ทำหน้าที่โดยสุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน เตือนใจข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขถือโครงการไทยเข้มแข็งเป็นบทเรียนสำคัญและต้องปกป้องชื่อเสียงกระทรวงฯ พร้อมพิสูจน์ความขาวสะอาดโครงการให้เป็นที่ประจักษ์ในความสุจริต และฝากรมว.สธ.คนใหม่และข้าราชการ สานต่องานสาธารณสุขเพื่อพี่น้องประชาชน

เวลา 15.30 น.วันนี้ (29 ธันวาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย อำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ โดยมีนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ร่วมพิธีอำลาตำแหน่งและมอบดอกไม้เป็นกำลังใจ

นายวิทยา กล่าวว่า นับตั้งแต่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2551 จนถึง วันนี้ 29 ธันวาคม 2552 เป็นเวลา 1 ปี กับ 5 วัน ที่ได้ตั้งใจที่จะร่วมมือร่วมใจกับผู้บริหาร ข้าราชการทุกคน รวมทั้งองค์กรสุขภาพอื่นๆ ผลักดันงานสาธารณสุขให้เจริญก้าวหน้า ตามนโยบายรัฐบาลที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ได้แก่ โครงการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ อสม. การรณรงค์ป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 การค้นหาและขึ้นทะเบียนผู้พิการ การยกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล

ต้องยอมรับว่า ในปี 2552 กระทรวงสาธารณสุขอยู่ในช่วงที่มีเหตุการณ์รุนแรงที่สุด ตั้งแต่ต้นปี เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์เพลิงไหม้ซานติก้าผับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และสุดท้ายคือเรื่องทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข ขอยืนยันว่า ได้ทำงานด้วยความระมัดระวังอย่างเต็มที่ ยุติทุกโครงการที่มีปัญหา พร้อมทั้งให้สอบสวน โดยเสนอคนนอกมาตรวจสอบ ซึ่งผลออกมาว่าผมไม่ทุจริต แต่บกพร่อง กระทบกระเทือนอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน และถูกมองว่ากระทรวงสาธารณสุขโกง ยืนยันว่าโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่มีการโกงแม้แต่บาทเดียว การตัดสินใจลาออกไม่ได้เป็นการทำตามคำวินิจฉัย แต่ทำเพื่อปกป้องเงินของโครงการไทยเข้มแข็งทุกเม็ด เงินของกระทรวงสาธารณสุข 86,000 ล้านบาทยังอยู่ครบ นายวิทยากล่าว

นายวิทยากล่าวต่อไปว่า ขอให้ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ถือเรื่องนี้เป็นบทเรียน ไม่มีใครปกป้องกระทรวงสาธารณสุขได้ ข้าราชการทุกคนต้องปกป้องเอง และพิสูจน์ให้ได้ว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่กระทรวงโกง การลาออกครั้งนี้ถือว่าเป็นการให้ของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ว่านักการเมืองพร้อมที่จะรับผิดชอบ

อย่างไรก็ตาม ต้องฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ และข้าราชการสานต่องานสาธารณสุข ซึ่งงานส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ และต้องฝากให้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ดูแลสานต่อคือ โครงการสนองน้ำพระทัยในหลวงห่วงใยสุขภาพประชาชนเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระชนมายุครบ 84 พรรษา โครงการรณรงค์ให้วัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และโครงการไทยเข้มแข็ง เพื่อประโยชน์ของประชาชน

**************************************** 29 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.พร้อมแจงโครงการไทยเข้มแข็งทุกรายการ และความจริงวันนี้ ยังไม่ได้ใช้เม็ดเงินเลย

at 5:05 PM

สธ.พร้อมแจงโครงการไทยเข้มแข็งทุกรายการ และความจริงวันนี้ ยังไม่ได้ใช้เม็ดเงินเลย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันกระบวนการทำงานโครงการไทยเข้มแข็ง ข้าราชการกระทรวงฯ ทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่นสุจริตเพื่อผลประโยชน์ประชาชน ยึดตามระเบียบกฎหมาย ยอมรับบางจุดมีปัญหาบ้าง แต่สามารถจัดการได้ในรูปคณะกรรมการกลาง โดยจะขอผลสอบของนายแพทย์บรรลุ เพื่อปรับปรุงโครงการต่...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.พร้อมแจงโครงการไทยเข้มแข็งทุกรายการ และความจริงวันนี้ ยังไม่ได้ใช้เม็ดเงินเลย

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันกระบวนการทำงานโครงการไทยเข้มแข็ง ข้าราชการกระทรวงฯ ทำด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่นสุจริตเพื่อผลประโยชน์ประชาชน ยึดตามระเบียบกฎหมาย ยอมรับบางจุดมีปัญหาบ้าง แต่สามารถจัดการได้ในรูปคณะกรรมการกลาง โดยจะขอผลสอบของนายแพทย์บรรลุ เพื่อปรับปรุงโครงการต่อไป โดยให้ความเป็นธรรมข้าราชการที่เกี่ยวข้องชี้แจงความจริง

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในเช้าวันนี้ (29 ธันวาคม 2552) ได้ประชุมผู้บริหารระดับสูง ประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขนิเทศก์ เพื่อหารือเรื่องโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ภายหลังนายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช และคณะ ได้เสนอผลการสอบโครงการฯ ต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2552 โดยประเด็นหารือหลักในวันนี้มี 2 ประเด็นใหญ่คือ เรื่องภาพลักษณ์ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถูกมองว่าทุจริต และประเด็นของข้าราชการ 8 คนที่ถูกระบุในผลสอบ

นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ไม่ห่วงเรื่องผลสอบ เพราะสามารถชี้แจงได้ทุกขั้นตอน ยืนยันว่าสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมา ยืนอยู่บนความตั้งใจ สุจริต โปร่งใส และยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพื่อให้ได้รับบริการที่ดีกว่าในอดีต ข้อกล่าวหาของแต่ละคน จะให้ความเป็นธรรม และให้โอกาสแต่ละคนชี้แจงเหตุผล เชื่อมั่นว่าจะสามารถชี้แจงที่มาที่ไปในแต่ละเรื่องที่รับผิดชอบตามความเป็นจริง
ในประเด็นที่กระทรวงสาธารณสุขถูกตั้งข้อหาว่าส่อทุจริตนั้น ขอยืนยันว่ากระบวนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ได้ทำอย่างเป็นขั้นตอน บนฐานความต้องการของพื้นที่แต่ละระดับ โดยโครงการทั้งหมดเกิดจากความต้องการพัฒนาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกระทรวงสาธารณสุขที่ขาดแคลนมานานเกือบ 10 ปี การออกแบบโครงการคำนึงถึงความขาดแคลนในทุกระดับ และเชื่อมโยงกันตั้งแต่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลชุมชม โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และศูนย์ความเป็นเลิศ รวมไปถึงการเพิ่มและพัฒนาบุคลากร และสิ่งสนับสนุน เช่น แฟลตที่พักแพทย์ พยาบาล

นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่ออีกว่า กระบวนการพิจารณาโครงการนั้น เป็นไปตามรายการความต้องการจากพื้นที่ เสนอผ่านจังหวัด ผ่านเขตตรวจราชการสาธารณสุข มายังหน่วยงานเจ้าของโครงการ และเมื่อผ่านความเห็นชอบของกระทรวงสาธารณสุข ก็ส่งไปผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองของกระทรวงการคลัง จึงไปผ่านมติครม. เห็นชอบวงเงิน

สำหรับความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข ขณะนี้ยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพันแม้แต่รายการเดียว และเมื่อมีผู้ทักท้วงว่าอาจไม่มีความเหมาะสม เรื่องราคา การกระจุกตัวในบางพื้นที่ กระทรวงสาธารณสุขได้ทำการทบทวน โดยมีกรรมการที่เป็นตัวแทนจากทุกฝ่าย ขณะนี้ก็มีความคืบหน้าจนเกือบได้ข้อสรุปแล้ว ซึ่งการตั้งวงเงินก็ได้ปฏิบัติตามระเบียบพัสดุ และมติครม.ทุกประการ

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะได้ขอรายละเอียด ข้อทักท้วงของคณะกรรมการชุดอาจารย์บรรลุ เพื่อมาดำเนินการปรับปรุงโครงการต่อไป ซึ่งรายการการลงทุนของโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง วงเงินกว่า 20,000 ล้านบาท สูงกว่าโรงพยาบาลชุมชนที่ได้ 18,000 ล้านบาท และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวงเงิน 14,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นรายการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่และเครื่องมือแพทย์ชั้นสูง ทำให้วงเงินสูง แต่จำนวนไม่มาก

ส่วนผลการสอบของคณะกรรมการที่พิจารณาว่า ไม่ทุจริต แต่มีความบกพร่องในฐานะรองปลัดกระทรวงที่ดูแลกำกับสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาคนั้น หากติดตามมาตลอดจะทราบว่าโครงการไทยเข้มแข็งดำเนินการต่อจากโครงการเมกะโปรเจค เพื่อสนองนโยบายรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเริ่มต้นวางแผนใหม่จะต้องใช้เวลา 6-12 เดือน อดีตปลัดกระทรวงคนก่อนมอบหมายให้รองปลัดด้านบริหารเป็นผู้ดูแล จึงไม่สามารถก้าวก่ายการทำงานได้ แต่หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวง และมีข้อสงสัยความโปร่งใสของโครงการนี้ขึ้น จึงได้มีหนังสือสั่งการให้ชะลอโครงการตั้งแต่ 30 กันยายน 2552 เป็นต้นมาจนกว่าจะได้ข้อสรุป และขอยืนยันว่าการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขมีขั้นตอน ต้องยอมรับว่าโครงการขนาดใหญ่ซึ่งมีกว่า 7,000 รายการ ย่อมมีโอกาสที่จะพบความผิดพลาดได้ เมื่อพบสิ่งที่มีปัญหาก็พร้อมจะแก้ไข

ต่อข้อเสนอที่คณะกรรมการต้องการให้ทบทวนโครงการใหม่ทั้งหมด กระทรวงสาธารณสุขยินดีที่จะทบทวนเพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ โดยพิจารณาร่วมกับทุกฝ่ายทั้งสภาพัฒน์ฯ แพทย์ชนบท แต่ติดขัดเงื่อนไขเรื่องกำหนดเวลา ซึ่งจะต้องขอผ่อนผันกับนายกรัฐมนตรี โดยจะขออนุญาตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่ออธิบายกระบวนการ แนวคิด หลักการในการดำเนินการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมสมุดปกขาวชี้แจงข้อเท็จจริงไว้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2552 และรอผลการพิจารณาของคณะกรรมการชุดนพ.บรรลุเสร็จสิ้น

ทั้งนี้ มาตรการทำงานในอนาคต กระทรวงสาธารณสุข จะเร่งวางแผนพัฒนาระบบสาธารณสุขให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม โดยในเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมในกระบวนการทำแผน และดำเนินการตามแผนต่อไป
ด้านนายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า รายการการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์และการก่อสร้างที่เสนอขึ้นมา เป็นการเสนอจากผู้ใช้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง บางรายการมีราคาแตกต่างกันตามระดับเทคโนโลยี โดยกรมมีนโยบายชัดเจนขอให้จัดซื้อจัดจ้างถูกต้องตามระเบียบ โปร่งใส สุจริต และมีรองอธิบดีกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งการใช้เทคโนโลยีชั้นสูง จะทำให้การบริการมีประสิทธิภาพดี ผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลน้อยลง และเครื่องมือทุกชิ้น เตรียมไว้รองรับผู้ใช้บริการทุกคน และยืนยันว่า ยังไม่มีการใช้เงินงบประมาณแม้แต่บาทเดียว และหากไม่ให้ซื้อเทคโนโลยีใหม่ ผู้เสียประโยชน์ก็คือประชาชนผู้ใช้บริการ
******************************* 29 ธันวาคม 2552
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

"วังสมบูรณ์"นำร่องรักษาโรคทางวิดีโอลิงก์ - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 4:41 PM

"วังสมบูรณ์"นำร่องรักษาโรคทางวิดีโอลิงก์ สระแก้ว-นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย นายอำเภอวังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ในเขต อ.วังสมบูรณ์ประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ต.วังสมบูรณ์ ต.วังใหม่ และ ต.วังทอง ยังไม่มีโรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่ได้รับแจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังจัดสรรงบประมาณก่อสร้างให้ในเร็ววันนี้ เพราะขณะนี้มีคหบดีบริจาคที่ดินให้...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

"วังสมบูรณ์"นำร่องรักษาโรคทางวิดีโอลิงก์

สระแก้ว-นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย นายอำเภอวังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ในเขต อ.วังสมบูรณ์ประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ต.วังสมบูรณ์ ต.วังใหม่ และ ต.วังทอง ยังไม่มีโรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่ได้รับแจ้งว่า กระทรวงสาธารณสุขกำลังจัดสรรงบประมาณก่อสร้างให้ในเร็ววันนี้ เพราะขณะนี้มีคหบดีบริจาคที่ดินให้จำนวน 30 ไร่ เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันมีเฉพาะสถานีอนามัย และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลที่ให้การบริการประชาชนที่เจ็บป่วยเบื้องต้นเท่านั้น

พร้อมกันนี้อำเภอได้รับแจ้งจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้วว่า ขณะนี้มีการจัดสรรงบประมาณติดตั้งระบบวิดีโอลิงก์ในการเชื่อมต่อสัญญาณจากผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังสมบูรณ์ เพื่อให้คณะแพทย์ที่โรงพยาบาลวังน้ำเย็น ซึ่งอยู่ใกล้เคียงช่วยตรวจรักษาและวินิจฉัยโรค รวมทั้งการสั่งจ่ายยาให้แก่ผู้ป่วยทางวิดีโอลิงก์อีกด้วย ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงรุกในการรักษาและการป้องกันโรคอีกอย่างหนึ่งในภาวะที่ประเทศของเรายังขาดแคลนแพทย์อยู่อีกจำนวนมาก

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้เป็นประธานเปิดระบบการรักษาโรคทางวิดีโอลิงก์ ที่สถานีอนามัยทุ่งกบินทร์ ต.วังทอง เพิ่มอีกแห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ฝากถึงประชาชนว่า การป้องกันโรคภัยไข้เจ็บนั้น การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดีกว่ายารักษาโรคทั้งปวง รวมทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย แหล่งข่าวโดย.... เว็บไซต์คมชัดลึก [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา ประกาศยื่นใบลาออกวันพรุ่งนี้ แสดงความรับผิดชอบอารมณ์ความรู้สึกประชาชน

at 3:48 PM

วิทยา ประกาศยื่นใบลาออกวันพรุ่งนี้ แสดงความรับผิดชอบอารมณ์ความรู้สึกประชาชน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศยื่นใบลาออกวันพรุ่งนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่ออารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ยืนยันแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ได้เอี่ยว เพราะยังไม่ได้อนุมัติโครงการฯ และยืนยันว่าตลอดเวลาที่บริหารงาน 1 ปี ได้ทำหน้าที่โดยสุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน ...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

วิทยา ประกาศยื่นใบลาออกวันพรุ่งนี้ แสดงความรับผิดชอบอารมณ์ความรู้สึกประชาชน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศยื่นใบลาออกวันพรุ่งนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่ออารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ยืนยันแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ได้เอี่ยว เพราะยังไม่ได้อนุมัติโครงการฯ และยืนยันว่าตลอดเวลาที่บริหารงาน 1 ปี ได้ทำหน้าที่โดยสุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชน

วันนี้ (29 ธันวาคม 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง ที่มีนายแพทย์บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน ได้สรุปผลการสอบสวนว่า บกพร่องต่อหน้าที่ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการทุจริต ขอยืนยันว่าหลังจากที่ทำหน้าที่บริหารมา 1 ปี ได้ทำหน้าที่โดยสุจริต คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ส่วนโครงการไทยเข้มแข็ง มีการให้กรอบนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ในการที่จะจัดสรรส่วนต่างๆ และให้ความไว้วางใจกับข้าราชการทุกคนในกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่รับราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมานานพอสมควร และทุกคนก็ยืนยันว่าจะจัดทำงบประมาณตามกรอบนโยบายที่ให้ไว้ หลังจากนั้นก็มีข่าวว่ามีพฤติกรรมที่ส่อว่าทุจริต จึงสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีการร้องเรียนราคาบางอย่างเกินความเป็นจริง และให้ชะลอโครงการจนกว่าการสอบสวนจะประจักษ์และการทบทวนราคาเป็นที่ยอมรับ

นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า เมื่อผลการสอบสวนออกมา ยืนยันว่ามีความบกพร่อง ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งเป็นอันตรายที่สุดสำหรับเสถียรภาพของรัฐบาล และขอยืนยันว่าในโครงการไทยเข้มแข็ง ของกระทรวงสาธารณสุข บาทเดียวก็ยังไม่มีใครได้โกง เนื่องจากทุกบาททุกสตางค์ยังไม่ได้อนุมัติ และได้ใช้กระบวนการระมัดระวังที่สุด แต่เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่ออารมณ์ความรู้สึกของประชาชน ได้เรียนนายกรัฐมนตรีว่า พรุ่งนี้(30 ธันวาคม 2552) จะยื่นใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ส่วนผลการสอบของนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเอง แต่ได้มอบหมายให้ดูแลงานอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องรับภาระหนัก ทั้งการรักษาผู้ป่วยที่มีอยู่แล้วและการแพทย์ฉุกเฉินในช่วงเทศกาล สำหรับข้าราชการอื่น เสนอนายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป การรับผิดชอบด้านอื่น ให้ตั้งคณะกรรมการสอบทั้งหมด

การที่ผมลาออก เนื่องจากไม่อยากเป็นภาระของนายกรัฐมนตรี เป็นภาระต่อแผ่นดิน เป็นการตัดสินใจ แสดงเจนารมย์ด้วยตนเอง ไม่มีใครกดดัน หลังจากนี้ขบวนการที่เกิดขึ้นในกระทรวงสาธารณสุข ตนก็จะให้ความร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาชนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ในทางการเมือง จะกลับไปเป็น ส.ส. ต่อไป ส่วนผู้ที่จะมาทำหน้าที่แทน จะเป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี นายวิทยา กล่าว
************************************** 29 ธันวาคม 2552



แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ตรังชี้แจงตัวชี้วัดแก่เจ้าหน้าที่

at 3:04 PM

สสจ.ตรังชี้แจงตัวชี้วัดแก่เจ้าหน้าที่ 29 ธันวาคม นพ.สสจ.ตรังนายแพทย์สาธิต ไผ่ประเสริฐ พร้อมกับงานบุคลากรจังหวัดตรังชี้แจงเกณฑ์มาตรฐานตัวชี้วัดในการปฏิบัติงานรวมถึงตัวชี้วัดตามเป้าประสงค์/ยุทธศาสตร์ของส่วนราชการแก่เจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรังทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อที่จะให้บุคลากรของสาธารณสุขจังหวัดตรังทั้งหมดได้เข้าใจในหลักการและสา...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ตรังชี้แจงตัวชี้วัดแก่เจ้าหน้าที่

29 ธันวาคม นพ.สสจ.ตรังนายแพทย์สาธิต ไผ่ประเสริฐ พร้อมกับงานบุคลากรจังหวัดตรังชี้แจงเกณฑ์มาตรฐานตัวชี้วัดในการปฏิบัติงานรวมถึงตัวชี้วัดตามเป้าประสงค์/ยุทธศาสตร์ของส่วนราชการแก่เจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรังทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อที่จะให้บุคลากรของสาธารณสุขจังหวัดตรังทั้งหมดได้เข้าใจในหลักการและสามรถนำมาเตรียมพร้อมในการรับประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นแนวทางเดียวซึ่งส่งผลต่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยรวม

งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรังแหล่งข่าวโดย.... งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธื สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสเตือนประชาชน ระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553

at 1:27 PM

สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสเตือนประชาชน ระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสเตือนประชาชน ระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2553 นายศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 นี้ม...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสเตือนประชาชน ระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสเตือนประชาชน ระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2553
นายศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 นี้มีวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวันและเป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มขึ้นทำให้การเกิดอุบัติเหตุสูงกว่าช่วงปกติ จึงขอฝากความห่วงใยไปถึงพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่านขอให้มีการระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยการนำรถไปตรวจสภาพก่อนเดินทาง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สวมหมวกนิรภัย และคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเพื่อลดความรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุ ขับรถโดยใช้ความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนดไว้ เคารพกฎจราจร หากมีอาการง่วง อ่อนล้า ควรจอดแวะพักกลางทางในที่ที่ปลอดภัยเพื่องีบหลับประมาณ 15 นาทีก่อนขับต่อ อย่าฝืนขับรถเพราะอาจจะหลับในทำให้เกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหรือหลับในได้ และควรจำไว้เสมอว่า ง่วงไม่ขับ จะได้กลับอย่างปลอดภัย หากผู้ใดพบเห็นการเกิดอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือจากหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 1669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สงขลา และโรงพยาบาลสงขลา ร่วมถวายปัจจัยพัฒนาวัดส่งเสริมสุขภาพ - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 11:50 AM

สสจ.สงขลา และโรงพยาบาลสงขลา ร่วมถวายปัจจัยพัฒนาวัดส่งเสริมสุขภาพ เมื่อเช้าวันที่ 28 ธันวาคม 2552 นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา และ นายแพทย์ปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา ได้เดินทางไปถวายเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท และสีทารั้ว แก่พระครูสมุกมล กมโล เจ้าอาวาสวัดบ้านเก่า ณ วัดบ้านเก่า ม.3 ต.เปียน ...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สงขลา และโรงพยาบาลสงขลา ร่วมถวายปัจจัยพัฒนาวัดส่งเสริมสุขภาพ

เมื่อเช้าวันที่ 28 ธันวาคม 2552 นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา และ นายแพทย์ปรีชา วงศ์ศิลารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลา ได้เดินทางไปถวายเงินเป็นจำนวน 20,000 บาท และสีทารั้ว แก่พระครูสมุกมล กมโล เจ้าอาวาสวัดบ้านเก่า ณ วัดบ้านเก่า ม.3 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เพื่อสนับสนุนตามโครงการพัฒนาศาสนสถานของจังหวัดสงขลา โดยมีนายสมโภช โชติชูช่วง นายอำเภอสะบ้าย้อย นายแพทย์สุริยะ สุพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย นายอดุลย์ สุวรรณกาญจน์ สาธารณสุขอำเภอสะบ้าย้อย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เข้าร่วมในการถวายปัจจัยในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้วัดบ้านเก่า เป็นวัดส่งเสริมสุขภาพระดับดีมากของจังหวัดสงขลา ในปี 2552 ซึ่งมีการดำเนินการดูแลด้านสิ่งแวดล้อม ที่สะอาด ปลอดภัย มีกิจกรรมการส่งเสริมสุขภาพ มีการพัฒนาระบบการให้ความรู้สุขภาพและป้องกันโรค พร้อมทั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านสุขภาพของชุมชน ภายใต้การสนับสนุนการพัฒนาของผู้นำศาสนา แกนนำชุมชนและหน่วยงานองค์กรภาคที่เป็นเครือข่ายในชุมชน แหล่งข่าวโดย.... ฝ่ายสุขศึกษาประชาสัมพันธ์และประสานเครือข่ายพันธมิตรสุขภาพ [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. ชี้รอบ 9 เดือนในปี 52 คนไทยเสียเงินซื้อเหล้า-เบียร์ มูลค่ากว่า 102,296 ล้านบาท

at 9:23 AM

สธ. ชี้รอบ 9 เดือนในปี 52 คนไทยเสียเงินซื้อเหล้า-เบียร์ มูลค่ากว่า 102,296 ล้านบาท สาธารณสุข รณรงค์สร้างค่านิยมคนไทย สวัสดีปีใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ เตือนประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ถ้าเป็นผู้ขับขี่ขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มเหล้าเบียร์ หากดื่มแล้วขับมีโทษทั้งจำและปรับ เผยปี 2550 พบวัยทำงานดื่มสุราสูงสุดร้อยละ 34 ในรอบ 9 เดือนปี 2552...
วันที่ 29 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. ชี้รอบ 9 เดือนในปี 52 คนไทยเสียเงินซื้อเหล้า-เบียร์ มูลค่ากว่า 102,296 ล้านบาท

สาธารณสุข รณรงค์สร้างค่านิยมคนไทย สวัสดีปีใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ เตือนประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ถ้าเป็นผู้ขับขี่ขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มเหล้าเบียร์ หากดื่มแล้วขับมีโทษทั้งจำและปรับ เผยปี 2550 พบวัยทำงานดื่มสุราสูงสุดร้อยละ 34 ในรอบ 9 เดือนปี 2552 คนไทยใช้เงินซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริโภคมูลค่ากว่า 102,296 ล้านบาท เฉลี่ยรายละเกือบ 7,000 บาท

เช้าวันนี้ (29 ธันวาคม 2552) เวลา 07.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำทีมผู้บริหาร เจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรคและเครือข่าย รณรงค์สวัสดีปีใหม่ ไร้แอลกอฮอล์ ช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ 2553 ณ บริเวณลานหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยได้แจกสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ของที่ระลึกชุดเตรียมพร้อมเดินทาง กระเช้าของขวัญไร้แอลกอฮอล์ ให้กับนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล พร้อมจัดแสดงชุดนิทรรศการเรื่อง พิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551

นายมานิต กล่าวว่า จากการสำรวจพฤติกรรมของการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มมึนเมาของคนไทยในปี 2550 พบประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปซึ่งมีจำนวน 51.2 ล้านคน เป็นผู้ที่ดื่มสุราร้อยละ 14.9 ล้านคน หรือร้อยละ 29 โดยผู้ชายยังคงดื่มสุรามากกว่าหญิงประมาณ 6 เท่า และผู้ที่อยู่นอกเขตเทศบาลมีอัตราการดื่มสุราสูงกว่าผู้อยู่ในเขตเทศบาลคือร้อยละ 31 และ 25 ตามลำดับ กลุ่มวัยทำงานมีอัตราการดื่มมากกว่ากลุ่มอื่นร้อยละ 34 และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ กลุ่มเยาวชนมีอัตราการดื่มสุราสูงถึงร้อยละ 22 เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ประชาชนดื่มมากที่สุดคือเบียร์ร้อยละ 46 รองลงมาคือเหล้าขาวร้อยละ 39 และสุราสียี่ห้อไทยร้อยละ 11 สาเหตุของการเริ่มดื่มสุราพบว่าการสังสรรค์ การเข้าสังคม ร้อยละ 41 รองลงมาคืออยากทดลองดื่มร้อยละ 30 และตามเพื่อนร้อยละ 23

ทั้งนี้จากการสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในรอบ 9 เดือน ของปี 2552 พบคนไทยมีค่าใช้จ่ายในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มูลค่ากว่า 102,296 ล้านบาท เมื่อคำนวณจากผู้ที่ดื่มซึ่งมีทั้งหมด 14.9 ล้านคน เฉลี่ยใช้เงินซื้อเหล้า-เบียร์ดื่มเฉลี่ยรายละ 6,865 บาท

นายมานิต กล่าวต่อไปว่า ส่วนข้อมูลการบาดเจ็บในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2552 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 367 ราย บาดเจ็บ 4,107 ราย โดยพบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่มีอายุ 15-24 ปี มีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมด สาเหตุอันดับแรกเกิดจากการเมาแล้วขับ จึงขอเตือนประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ถ้าเป็นผู้ขับขี่ขอให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนออกเดินทางพักผ่อนให้เพียงพอ หากเป็นผู้ใช้รถยนต์ ให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ส่วนผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และโดยสาร ต้องสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งที่ล้อหมุน

ในทางกฎหมายเมื่อผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ และถูกตรวจพบว่ามีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือศาลอาจสั่งให้ถูกคุมประพฤติ ทำงานบริการสังคม หากดื่มแล้วขับทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-120,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากดื่มแล้วขับทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่

******************************* 29 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [29/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดมหกรรมกีฬาเดิน - วิ่ง ชลบุรี ฟันรัน-มินิฮาล์ฟ มาราธอน ครั้งที่ 8

Monday, December 28, 2009 at 4:41 PM

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดมหกรรมกีฬาเดิน - วิ่ง ชลบุรี ฟันรัน-มินิฮาล์ฟ มาราธอน ครั้งที่ 8 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดมหกรรมกีฬา เดิน - วิ่ง ชลบุรี ฟันรัน - มินิฮาล์ฟ มาราธอน ครั้งที่ 8 ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2552 เวลา 05.30 น. ณ บริเวณแหลมแท่น บางแสน จังหวัดชลบุรี มีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่าง...
วันที่ 28 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดมหกรรมกีฬาเดิน - วิ่ง ชลบุรี ฟันรัน-มินิฮาล์ฟ มาราธอน ครั้งที่ 8

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดมหกรรมกีฬา เดิน - วิ่ง ชลบุรี ฟันรัน - มินิฮาล์ฟ มาราธอน
ครั้งที่ 8 ขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2552 เวลา 05.30 น. ณ บริเวณแหลมแท่น บางแสน จังหวัดชลบุรี มีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างมากมายและในงานได้มีกิจกรรมออกกำลังกาย
แอโรบิคนำโดยโรงพยาบาลชลบุรี โดยมี นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในการเปิดงาน แหล่งข่าวโดย.... สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี [28/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดงานมหกรรมสร้างสุขภาพ พิชิตยอดเขาสามมุก

at 3:04 PM

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดงานมหกรรมสร้างสุขภาพ พิชิตยอดเขาสามมุก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีร่วมกับชมรมจักรยานจังหวัดชลบุรีและประชาชนทั่วไปจัดงานรณรงค์ขี่จักรยานในงานมหกรรมสร้างสุขภาพ พิชิตยอดเขาสามมุก (Healthy Rally bike Sammuk & Walking Street) ขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณหน้าลานพระรูป ร.5 ศาลาภักดีแผ่นดิ...
วันที่ 28 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีได้จัดงานมหกรรมสร้างสุขภาพ พิชิตยอดเขาสามมุก

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรีร่วมกับชมรมจักรยานจังหวัดชลบุรีและประชาชนทั่วไปจัดงานรณรงค์ขี่จักรยานในงานมหกรรมสร้างสุขภาพ พิชิตยอดเขาสามมุก (Healthy Rally bike Sammuk & Walking Street)
ขึ้นในวันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม 2552 ณ บริเวณหน้าลานพระรูป ร.5 ศาลาภักดีแผ่นดิน - ณ บริเวณแหลมแท่น บางแสน จังหวัดชลบุรีแหล่งข่าวโดย.... สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี [28/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.จับมือม.นเรศวร พะเยา ผลิตกำลังคนด้านสุขภาพป้อนพื้นที่ภาคเหนือตอนบน - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 11:57 AM

สธ.จับมือม.นเรศวร พะเยา ผลิตกำลังคนด้านสุขภาพป้อนพื้นที่ภาคเหนือตอนบน สาธารณสุขจับมือมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ร่วมผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ ป้อนพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยให้ ร.พ.ในสังกัดฯ 5 แห่ง ได้แก่ ร.พ.พะเยา ร.พ.น่าน ร.พ.แพร่ รพ.ลำปาง และร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์ จัดการเรียนการสอนในระดับคลินิก รวมทั้งศึกษาวิจัยปัญหาสุขภาพพื้นที่ พัฒนาอง...
วันที่ 28 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.จับมือม.นเรศวร พะเยา ผลิตกำลังคนด้านสุขภาพป้อนพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

สาธารณสุขจับมือมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ร่วมผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ ป้อนพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยให้ ร.พ.ในสังกัดฯ 5 แห่ง ได้แก่ ร.พ.พะเยา ร.พ.น่าน ร.พ.แพร่ รพ.ลำปาง และร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์ จัดการเรียนการสอนในระดับคลินิก รวมทั้งศึกษาวิจัยปัญหาสุขภาพพื้นที่ พัฒนาองค์ความรู้

วันนี้ (28 ธันวาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยดร.พรชัย นุชสุวรรณ ประธานคณะกรรมการอำนวยการ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพหลายสาขาให้เพียงพอกับความต้องการในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน

นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทย มีความต้องการบุคลากรทางการแพทย์อีกเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอในการให้บริการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะการรับมือกับภาวะสังคมของผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัว การพัฒนายกระดับสถานีอนามัย 9,810 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จึงจำเป็นต้องเร่งผลิตบุคลากรทุกสาขาวิชาชีพ ทั้งแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ แพทย์แผนไทย และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสาขาต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ

นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ตามบันทึกข้อตกลงนี้ กระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา จะร่วมกันผลิตและพัฒนาบุคลากรสาขาต่าง ๆ ได้แก่ แพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ เทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่กายภาพบำบัด สาธารณสุขศาสตร์ และแพทย์แผนไทยประยุกต์ ให้มีคุณภาพและเพียงพอกับความต้องการของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยให้รพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 5 แห่ง ได้แก่ รพ.พะเยา รพ.น่าน รพ.แพร่ รพ.ลำปาง และรพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ จัดการเรียนการสอนในระดับคลินิก ซึ่งเป็นขั้นตอนของการฝึกภาคปฏิบัติจริง ให้ได้ตามมาตรฐานของมหาวิทยาลัย ทั้งด้านวิชาการ คุณวุฒิ และตำแหน่งหน้าที่ รวมทั้งร่วมกันศึกษาวิจัยปัญหาสุขภาพของพื้นที่ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุข และเป็นแหล่งฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติด้านบริหาร บริการ วิชาการเพื่อแก้ไขและพัฒนาระบบสุขภาพได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ ในส่วนของการผลิตแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย 13 แห่ง เริ่มรับนักศึกษาตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา เน้นการคัดเลือกนักศึกษาจากพื้นที่และเรียนจบกลับไปทำงานในภูมิลำเนา ขณะนี้มีแพทย์ในโครงการจบการศึกษาทำงานในพื้นที่ชนบทแล้ว 1,738 คน ในวันที่ 1 เมษายน 2553 จะมีแพทย์จบใหม่อีก 405 คน และกำลังเรียนชั้นปีที่ 1 6 อยู่อีก 2,766 คน

สำหรับบุคลากรสาขาอื่น ๆ สถาบันพระบรมราชชนก วางแผนผลิตบุคลากรระยะ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2550 2559 ทั้งโครงการปกติ โครงการไทยเข้มแข็งและเมกกะโปรเจค โดยจะผลิตพยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุขชุมชน แพทย์แผนไทย นักเวชระเบียน เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน และหลักสูตรประกาศนียบัตรต่าง ๆ รวม 66,460 คน เพื่อเติมเต็มบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข

******************************************28 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

รพ.ขอนแก่นจัด EMS Rally เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553

at 11:50 AM

รพ.ขอนแก่นจัด EMS Rally เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2552 ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤติบำบัด กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินและนิติเวชวิทยา รพ.ขอนแก่น จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มทักษะการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ในทุกสถานการณ์ (EMS Rally) ขึ้น ที่สวนสุขภาพธรรมธาริน รพ.ขอนแก่น โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั...
วันที่ 28 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)


รพ.ขอนแก่นจัด EMS Rally เตรียมพร้อมรับมืออุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2552 ศูนย์อุบัติเหตุและวิกฤติบำบัด กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินและนิติเวชวิทยา รพ.ขอนแก่น จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มทักษะการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ ในทุกสถานการณ์ (EMS Rally) ขึ้น ที่สวนสุขภาพธรรมธาริน รพ.ขอนแก่น โดยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4/2552 เพื่อกระตุ้นการพัฒนาความรู้ การทำงานเป็นทีม และเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับอุบัติเหตุและผู้ป่วยฉุกเฉินในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2553 มีผู้ร่วมงานได้แก่หน่วยกู้ชีพ รพ.ขอนแก่น และ รพ.ศรีนครินทร์ ประกอบด้วยแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน พยาบาลวิชาชีพที่ขึ้นทะเบียนระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินและเจ้าพนักงานเวชกิจฉุกเฉิน (EMT-I) มีการแข่งขันปฏิบัติการเพื่อเพิ่มทักษะการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 10 ทีม เพื่อเข้าแข่งขันแก้ปัญหาในแต่ละฐานที่มีการจำลองสถานการณ์จริง

นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผู้อำนวยการ รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า ศูนย์กู้ชีพ รพ.ขอนแก่น จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2537 ถือเป็นศูนย์กู้ชีพแห่งแรกของประเทศไทย ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อคุ้มครองประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บหรือมีอาการป่วยกะทันหันอันเป็นอันตรายต่อการดำรงชีวิตหรือการทำงานของอวัยวะสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการประเมิน การจัดการ และการรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการสูญเสียหรือการรุนแรงขึ้นของอาการบาดเจ็บ ซึ่งจากรายงานการศึกษาทั่วโลกพบว่าความล่าช้าและความผิดพลาดในการดูแลผู้ป่วยก่อนถึงโรงพยาบาลเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้เสียชีวิตหรือพิการทั้งที่เป็นเรื่องที่น่าป้องกันได้

หน่วยกู้ชีพ รพ.ขอนแก่น มีบุคลากรที่เกี่ยวข้องมากมายหลายระดับ ทั้งแพทย์, พยาบาลวิชาชีพและเจ้าพนักงานกู้ชีพ การออกปฏิบัติงานร่วมกันต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสู่โรงพยาบาลแห่งความเป็นเลิศในการดูแลผู้ป่วยทั้งก่อนและเมื่อถึงโรงพยาบาล การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มทักษะการช่วยเหลือผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุ อันเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินในทุกสถานการณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นช่วยที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ทางโรงพยาบาลจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่า รพ.ขอนแก่น พร้อมทุ่มเทเพื่อพิทักษ์ทุกชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยแรงใจ แรงกาย อย่างสุดกำลังความสามารถที่มี และหากเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพได้ที่ 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ กล่าวทิ้งท้าย. แหล่งข่าวโดย.... ประชาสัมพันธ์ รพ.ขอนแก่น [28/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามเตือนประชาชนระวังอุบัติเหตุบนถนน

at 10:13 AM

มหาสารคามเตือนประชาชนระวังอุบัติเหตุบนถนน โรงพยาบาลมหาสารคามเตือนประชาชนระวังอุบัติเหตุบนถนนในช่วงเทศบาลปีใหม่ 2553 ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน คือวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2553 นายสุนทร ยนต์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีส่วนใหญ่ประชาชนจะมีการเดินทางไปเยี่ยมญาติกลับบ้านแล...
วันที่ 28 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามเตือนประชาชนระวังอุบัติเหตุบนถนน

โรงพยาบาลมหาสารคามเตือนประชาชนระวังอุบัติเหตุบนถนนในช่วงเทศบาลปีใหม่ 2553 ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน คือวันที่ 31 ธันวาคม 2552 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2553
นายสุนทร ยนต์ตระกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีส่วนใหญ่ประชาชนจะมีการเดินทางไปเยี่ยมญาติกลับบ้านและไปท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทำให้มีการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุบนถนนประชาชนจะต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการ 3ม 2ข 1ร 1ท 1ย อย่างเคร่งครัด 3 ม คือมอเตอร์ไซด์ปลอดภัย เมาไม่ขับ สวมหมวกนิรภัย 2ข คือมีใบขับขี่และคาดเข็มขัดนิรภัย 1ร คือลดความเร็วไม่เกินที่กฎหมายกำหนด 1ท คือไม่โทรศัพท์ขณะขับรถ และ 1ย คือไม่ขับรถยนต์ย้อนศร ซึ่งจะเป็นวิธีการในการลดอุบัติเหตุทางการจราจรเป็นอย่างดี ในส่วนของโรงพยาบาลมหาสารคามมีการเตรียมบุคลากร เวชภัณฑ์ ระบบการส่งต่อและการรับผู้ป่วย ณ จุดเกิดเหตุไว้อย่างพร้อมเพรียง หากพบเห็นอุบัติเหตุทางการจราจร โทร. 1669 หรือ 043 740998
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม ขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เมาไม่ขับ สวมหมวกนิรภัยขณะขับรถ เตรียมรถให้พร้อมใช้ก่อนออกเดินทาง พักผ่อนให้เพียงพอ และในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2553 ขอให้ประชาชนทุกคนมีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางการจราจร และมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์มีแต่ความสุขตลอดไป

อรณต วัฒะ ข่าว / พิมพ์
28 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [28/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม

Sunday, December 27, 2009 at 6:18 PM

มหาสารคามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม มหาสารคามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม เทศบาลเมืองมหาสารคามร่วมกับโรงพยาบาลมหาสารคาม จัดอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ในวันที่ 29 ธันวาคม 2552 ณ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรต...
วันที่ 27 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

มหาสารคามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม

มหาสารคามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม

เทศบาลเมืองมหาสารคามร่วมกับโรงพยาบาลมหาสารคาม จัดอบรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวานในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ในวันที่ 29 ธันวาคม 2552 ณ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
นายไพบูลย์ อัศวธนบดี รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการ โรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่าปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นโรคที่เรื้อรังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มสูงขึ้นสถิติทั่วโลกเพิ่มเป็น 300 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2548 สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคเบาหวานปีละ 20,000 คน โดยผู้ป่วยไม่ทราบลักษณะธรรมชาติของโรคเบาหวาน ซึ่งจะมีอาการปัสสาวะบ่อย หิวบ่อยๆ กินจุแต่น้ำหนักลด ปัสสาวะมีมดตอม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โรงพยาบาลมหาสารคามร่วมกับเทศบาลเมืองมหาสารคาม ได้จัดกิจกรรมอบรมเพื่อให้ความรู้ปละปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย และอารมณ์ จำนวน 150 คน มีการเสวนาเรื่องเบาหวานความดันภัยเงียบที่คาดไม่ถึงและทำอย่างไรจะห่างไกลจากเบาหวาน กิจกรรมการเรียนรู้ 3 อ. เพื่อดูแลสุขภาพ การแสดงหมอลำพื้นบ้านต้านภัยเบาหวาน โดยนายแพทย์สุชาติ ทองแป้น และได้รับสนับสนุนวิทยากรจากโรงพยาบาลมหาสารคาม ศูนย์แพทย์ชุมชนสามัคคี ศูนย์แพทย์ชุมชนบูรพา ศูนย์แพทย์ชุมชนอุทัยทิศ และได้รับเกียรติจากนายเรืองสิทธิ์ นันทะเสน รองนายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน โดยการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
รองผู้อำนวยการฝ่ายบริการโรงพยาบาลมหาสารคาม ขอเชิญชวนประชาชนอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม ร่วมกิจกรรมดังกล่าว ในวันที่ 29 ธันวาคม 2552 เวลา 13.30 น. ณ สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ มีการตรวจคัดกรองสุขภาพให้กับผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนฟรี...

อรณต วัฒนะ ข่าว / พิมพ์
27 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ชี้หน้าหนาว เป็นฤดูแพร่โรคพิษสุนัขบ้า เตือนประชาชนหากถูกสุนัขบ้ากัด ต้องพบแพทย์ด่วน

at 10:40 AM

สธ.ชี้หน้าหนาว เป็นฤดูแพร่โรคพิษสุนัขบ้า เตือนประชาชนหากถูกสุนัขบ้ากัด ต้องพบแพทย์ด่วน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนระวังโรคพิษสุนัขบ้าในหน้าหนาว หากถูกสุนัขกัด ต้องรีบพบแพทย์ด่วน เพื่อฉีดวัคซีน เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันการเสียชีวิต หากสุนัขที่กัดมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าปล่อยให้มีอาการป่วยจะเสียชีวิตทุกราย เพราะขณะนี้ไม่มียารักษาในปี 25...
วันที่ 27 ธ.ค 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ชี้หน้าหนาว เป็นฤดูแพร่โรคพิษสุนัขบ้า เตือนประชาชนหากถูกสุนัขบ้ากัด ต้องพบแพทย์ด่วน

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนระวังโรคพิษสุนัขบ้าในหน้าหนาว หากถูกสุนัขกัด ต้องรีบพบแพทย์ด่วน เพื่อฉีดวัคซีน เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะป้องกันการเสียชีวิต หากสุนัขที่กัดมีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าปล่อยให้มีอาการป่วยจะเสียชีวิตทุกราย เพราะขณะนี้ไม่มียารักษาในปี 2552 นี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 24 ราย มีสาเหตุมาจากสุนัขทั้งสิ้น เป็นสุนัขทั้งมีและไม่มีเจ้าของ

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยเกี่ยวกับสถานการณ์โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) ว่า จากการประเมินในปี 2552 นี้พบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2551 ตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 จนถึงขณะนี้ ทั่วประเทศพบผู้ป่วย 24 รายใน 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี 4 ราย ราชบุรี 2 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย ระยอง 2 ราย นนทบุรี ปราจีนบุรี สมุทรสาคร ตาก จังหวัดละ 1 ราย กรุงเทพมหานคร 7 ราย สงขลา 3 ราย เนื่องจากไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันหลังถูกกัด ในขณะที่ปี 2551 มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 9 ราย

นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังมีประชาชนบางส่วนเข้าใจผิดว่า โรคพิษสุนัขบ้าจะเกิดในฤดูร้อนเท่า
นั้น แท้จริงแล้วพบได้ทุกฤดูกาล โดยเฉพาะในฤดูหนาวจัดเป็นฤดูกาลแพร่โรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ เนื่องจากเป็นฤดูผสมพันธุ์ของสุนัขในช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยสุนัขตัวผู้จะได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจากการต่อสู้แย่งชิงตัวเมีย เชื้อจะออกมาทางน้ำลาย และติดต่อสู่คนโดยการกัด ข่วนหรือเลีย คนติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าจะแสดงอาการป่วยประมาณ 4 วันจนถึง 3-4 ปีก็ได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่เกิน 1 ปี และจะเสียชีวิตทุกราย เพราะโรคนี้ไม่มียารักษา ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เผยแพร่ความรู้โรคพิษสุนัขบ้าให้ประชาชนทราบเพื่อป้องกันการเสียชีวิต

ทางด้าน นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อจากสัตว์มาสู่คนที่มีความรุนแรงมาก อาการโรคนี้คือมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว คันบริเวณรอยแผลที่ถูกสัตว์กัด อาการคันลามไปที่อื่น ต่อมาจะหงุดหงิด น้ำลายไหลมาก กล้ามเนื้อคอกระตุกเกร็ง บางรายอาจมีอาการแขนขาอ่อนแรง มักป่วยประมาณ 2-6 วัน และเสียชีวิตทุกราย การป้องกันที่ได้ผลที่สุด คือ เลี้ยงสุนัขอย่างรับผิดชอบ นำสุนัขที่เลี้ยงทุกตัวไปรับการฉีดวัคซีน ลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการถูกสุนัขกัด โดยอย่าแหย่ อย่าเหยียบ อย่าหยิบจับ อย่ายุ่ง อย่าหยอก กับสุนัขแปลกหน้า หากถูกกัดให้กักสุนัขไว้เพื่อสังเกตอาการ รีบล้างแผลใส่ยา และพบแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนจนครบ โดยมีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเฉลี่ยปีละกว่า 400,000 ราย

ทั้งนี้ สุนัขทุกวัยมีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้า ในลูกสุนัขจะได้รับเชื้อมาจากแม่ขณะเลียปากลูก สุนัขที่เป็นโรคนี้ จะมีอาการทั้งชนิดซึมและชนิดดุร้าย ชนิดซึมสุนัขมักจะหลบซุกตัวในมุมมืด ถ้าถูกรบกวนอาจจะกัด บางตัวอาจมีอาการคล้ายมีกระดูกติดคอ เจ้าของจึงเข้าใจผิดพยายามใช้มือล้วงปากสุนัขเพื่อหาเศษกระดูก ทำให้ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้ ส่วนชนิดดุร้าย สุนัขจะมีอาการทางประสาท กระวนกระวาย หงุดหงิด ดุร้าย กัดทุกสิ่งที่ขวางหน้า ในระยะสุดท้ายสุนัขจะมีขากรรไกรแข็ง ปากอ้า ลิ้นห้อย น้ำลายไหล วิ่งไม่มีจุดหมาย เป็นอัมพาต และตายในที่สุด

นายแพทย์มานิตกล่าวต่อว่า ขณะนี้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคนมีความปลอดภัยสูง ฉีดเพียง 5 เข็ม และไม่ต้องฉีดทุกวัน อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ก็คือการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้แก่สุนัข โดยเริ่มฉีดครั้งแรกเมื่อสุนัขอายุตั้งแต่ 2 เดือน และฉีดซ้ำทุกปี หากโดนกัด ขอให้รีบล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่หลาย ๆ ครั้ง ล้างให้ลึกถึงก้นแผล ใส่ยาฆ่าเชื้อเช่น ทิงเจอร์ไอโอดีน แอลกอฮอล์ แล้วรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว

*************************************** 27 ธันวาคม 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ธ.ค/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)
Thai Health Article (Thailand) | RSS Subscribe | Go to top