สธ.-กทม.-ตำรวจ วางแผน บังคับใช้กฎหมาย ควบคุมเหล้า ในเขต กทม. ให้เป็นมหานครน่าอยู่ - อาหารและสุขภาพ, Health channel

Wednesday, January 27, 2010 at 6:22 PM

สธ.-กทม.-ตำรวจ วางแผน บังคับใช้กฎหมาย ควบคุมเหล้า ในเขต กทม. ให้เป็นมหานครน่าอยู่ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกทม. ตำรวจ ร่วมวางแผนเตรียมพร้อมบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเขต กทม. โดยเดินเครื่องอบรมเจ้าหน้าที่กทม. 50 เขต ให้เป็นพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้กทม.เป็นเมืองปลอดภัย เป็นมหานครน่าอยู่ ปราศจากสิ่งมอมเมา คนเมาขาดสติ ...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.-กทม.-ตำรวจ วางแผน บังคับใช้กฎหมาย ควบคุมเหล้า ในเขต กทม. ให้เป็นมหานครน่าอยู่

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกทม. ตำรวจ ร่วมวางแผนเตรียมพร้อมบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเขต กทม. โดยเดินเครื่องอบรมเจ้าหน้าที่กทม. 50 เขต ให้เป็นพนักงานผู้บังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้กทม.เป็นเมืองปลอดภัย เป็นมหานครน่าอยู่ ปราศจากสิ่งมอมเมา คนเมาขาดสติ
บ่ายวันนี้ (27 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค หารือแนวทางการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเขตกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ พล.ต.ต.ปรีชา ลิ้มปโอวาท ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด กทม. ผู้อำนวยการเขต 50 เขต และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายแพทย์มานิตกล่าวว่า ขณะนี้ผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีแนวโน้มคุมคามสังคม เศรษฐกิจ และสุขภาพคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในเยาวชน ที่ได้รับการส่งเสริมจูงใจให้ดื่มจนเกิดปัญหาตามมา ทั้งเรื่องทะเลาะวิวาท อุบัติเหตุ มีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน การทำแท้ง รวมถึงปัญหาอาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ หากผู้ประกอบการ รวมถึงประชาชนทั่วไปเข้าใจ ให้ความเคารพและร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมาย ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2551 อย่างเคร่งครัด มั่นใจว่าปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะลดลง ปัญหาอันตรายต่างๆ ก็จะลดลงไปด้วย

นายแพทย์มานิตกล่าวต่อว่า ในการหารือกับผู้แทนกรุงเทพมหานคร ตำรวจปราบปรามยาเสพติด และตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคในวันนี้ ได้มีมาตรการที่จะให้มีการปฏิบัติบังคับการใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างจริงจัง โดยนำร่องในพื้นที่กรุงเทพหมานคร ซึ่งหลายฝ่ายให้การสนับสนุนเห็นด้วยเช่นแกนนำเด็กและเยาวชนจาก 10 เขต 50 ชุมชนใน กทม. กว่า 400 คน เรียกร้องต่อผู้ว่าฯ กทม. ให้คุมเข้มมาตรการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองปลอดภัย เป็นมหานครที่น่าอยู่ ปราศจากการมอมเมาด้วยป้ายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งปลอดมหัตภัยร้ายจากคนเมาขาดสติ เป็นพื้นที่นำร่องก่อนขยายการดำเนินงานไปทั่วประเทศ

ด้านนายแพทย์สมาน ฟูตระกูล ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ในการปฏิบัติบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในเขตกทม. กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมมือกทม.และสสส. จัดอบรมข้าราชการของสำนักเขต กทม.ที่ได้รับแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี ให้มีอำนาจหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายฯ ทั้ง 50 เขต จำนวน 5 รุ่น รวม 250 คน เพื่อเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละเขต เริ่มตั้งแต่เดือนนี้จนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2553 เน้นการให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย รวมทั้งโทษ พิษภัยและผลกระทบที่เกิดขึ้น ขั้นตอนการเฝ้าระวังและนำกฎหมายไปบังคับใช้ สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติ พัฒนาทีมงาน สร้างเครือข่ายการดำเนินงานได้อย่างมั่นใจ
************************************* 27 มกราคม 2553
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สงขลา ส่ง อสม.ร่วมประกวด อสม.ดีเด่นระดับเขต

at 6:18 PM

สสจ.สงขลา ส่ง อสม.ร่วมประกวด อสม.ดีเด่นระดับเขต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ส่งอาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่น (อสม.ดีเด่น) ระดับจังหวัด จำนวน 11 สาขาในพื้นที่ปกติและสาขาการปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ยุทธศาสตร์ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เข้าร่วมการคัดเลือกเป็น อสม.ดีเด่นระดับเขต ของเขต 8 ซึ่งประกอบด้วย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สงขลา ส่ง อสม.ร่วมประกวด อสม.ดีเด่นระดับเขต

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ส่งอาสาสมัครสาธารณสุขดีเด่น (อสม.ดีเด่น) ระดับจังหวัด จำนวน 11 สาขาในพื้นที่ปกติและสาขาการปฏิบัติงานในพื้นที่พิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ยุทธศาสตร์ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา เข้าร่วมการคัดเลือกเป็น อสม.ดีเด่นระดับเขต ของเขต 8 ซึ่งประกอบด้วย 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2553 ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาสุขภาพภาคประชาชนชายแดนใต้ จังหวัดยะลา โดยมี อสม.ดีเด่นระดับจังหวัด จังหวัดสงขลา จำนวน 11 สาขาดังนี้ 1) สาขาการบริการใน ศสมช. นางพรทิพย์ วรรละออ ต.น้ำน้อย อ.หาดใหญ่ 2) สาขาแพทย์แผนไทย นายอุเส็น วงศ์นิรัตน์ ต.หัวเขา อ.สิงหนคร 3) สาขาโรคไม่ติดต่อ นางสุวรรณา รัตนะ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง 4) สาขาส่งเสริมสุขภาพ นางวรรณี เกตตะพันธ์ ต.สนามชัย อ.สทิงพระ 5)สาขาสุขภาพจิต นางสุรีย์ มงคลนิสภกุล ต.น้ำน้อย 6) สาขาอนามัยแม่และเด็ก นางจีรานา หีมสุวรรณ ต.บ้านนา อ.จะนะ 7) สาขาคุ้มครองผู้บริโภค นายอับดนหร้อซักฮ์ จันทการักษ์ ต.ท่าข้าม อ.หาดใหญ่ 8) สาขาจัดการสุขภาพและพัฒนาสังคม นางสมบูรณ์ ขุนรักษาพล ต.จะทิ้งพระ อ.สทิงพระ 9) สาขายาเสพติด นางคันธมาศ มณี ต.นาหว้า อ.จะนะ 10) สาขาโรคติดต่อ นางอำมรรัตน์ เหลาจิตร ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ 11) สาขาเอดส์ นางธัญญาภัทร์ รักรอด ต.สำนักขาม อ.สะเดา ส่วนสาขาพื้นที่ที่มีภาวะวิกฤติ ได้แก่ นายเกษม เอียดปราบ ต.นาหมอศรี อ.นาทวี
ในการเข้าร่วมประกวดครั้งนี้ อสม.มีการนำเสนอผลงานในรูปการจัดบู๊ทนิทรรศการ นวัตกรรม และนำเสนอในห้องประชุม ซึ่งในการเข้ารวมกิจกรรมครั้งนี้ นอกจาก อสม.ดีเด่นระดับจังหวัดเข้าร่วมนำเสนอผลงานแล้ว ยังมีแกนนำ อสม. ตัวแทน อบต./เทศบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและเครือข่ายในพื้นที่ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย โดยมี นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิด แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สิงห์บุรี รณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2

at 4:41 PM

สสจ.สิงห์บุรี รณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2 นายไพศาล ดั่นคุ้ม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดกวาดล้างโรคโปลิโอให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย โดยได้กำหนดให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินโครงการรณรงค์การให้วัคซีนโปลิโอเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคแก่เด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชา...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สิงห์บุรี รณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2

นายไพศาล ดั่นคุ้ม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดกวาดล้างโรคโปลิโอให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย โดยได้กำหนดให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดดำเนินโครงการรณรงค์การให้วัคซีนโปลิโอเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคแก่เด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้ได้รับวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ 2 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ 1 ได้หยอดไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 และ ครั้งที่ 2 กำหนดหยอดในวันพุธที่ 27 มกราคม 2553
นายไพศาล ดั่นคุ้ม กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคโปลิโอ เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ ทำให้มีอันตรายต่อระบบประสาทส่วนไขสันหลัง ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงทำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้ออย่างถาวร ทำให้เกิดความพิการและบางครั้งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ โดยโรคนี้ส่วนใหญ่จะพบในประชากรวัยเด็ก แต่สามารถป้องกันได้โดยการสร้างภูมิต้านทานตั้งแต่เด็ก โดยการรับวัคซีนโปลิโอชนิดกินตามกำหนดนัดปกติให้ครบ 5 ครั้ง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี จึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยเน้นย้ำการประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าว ที่อายุต่ำกว่า 15 ปีทุกคน เข้ารับการหยอดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอ ผลการดำเนินงานหยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอรอบแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมาของจังหวัดสิงห์บุรี ได้ให้บริการครอบคลุมเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าวที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ในพื้นที่ของจังหวัดสิงห์บุรีและในวันนี้ซึ่งเป็นวันพุธที่ 27 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. จะดำเนินการจัดกิจกรรมรณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ รอบที่ 2 แก่เด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าวที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีทุกคนอีกครั้ง ณ สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และหน่วยบริการเคลื่อนที่ใกล้บ้าน นอกจากนี้บุคลากรสาธารณสุขทั้งในระดับจังหวัดและพื้นที่พร้อมด้วย อสม. ได้ออกให้บริการหยอดวัคซีนโปลิโอให้กับเด็กกลุ่มเป้าหมายในโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็กอีกด้วย แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ ชี้น้ำหมักป้าเช็งไม่มีสรรพคุณรักษาโรค แต่มีความเป็นกรดสูง และปนเปื้อนเชื้อโรค

at 3:48 PM

จุรินทร์ ชี้น้ำหมักป้าเช็งไม่มีสรรพคุณรักษาโรค แต่มีความเป็นกรดสูง และปนเปื้อนเชื้อโรค วันนี้ (27 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าผลการตรวจน้ำหมักชีวภาพ น้ำมหาบำบัดและน้ำเจียรนัยเพชร ผลิตภัณฑ์ป้าเช็ง ว่า ได้รับรายงานจากนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรม...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ ชี้น้ำหมักป้าเช็งไม่มีสรรพคุณรักษาโรค แต่มีความเป็นกรดสูง และปนเปื้อนเชื้อโรค

วันนี้ (27 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าผลการตรวจน้ำหมักชีวภาพ น้ำมหาบำบัดและน้ำเจียรนัยเพชร ผลิตภัณฑ์ป้าเช็ง ว่า ได้รับรายงานจากนพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนพ.นิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า น้ำหมักชีวภาพป้าเช็งที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ จากผลการตรวจสอบน้ำมหาบำบัด ชนิดรับประทาน ราคาขวดละ 1,000 บาท โดยเกณฑ์มาตรฐานของกรณียาสมุนไพร 1.จะต้องไม่มีเชื้อโรคปนเปื้อน และไม่มีแบคทีเรียบางชนิดปนเปื้อนอย่างเด็ดขาด ถือเป็นเกณฑ์ที่สำคัญ แต่ผลการวิเคราะห์พบว่า 1.มีค่าความเป็นกรดสูงมาก 2. ไม่พบตัวยา ทั้งแผนปัจจุบันและตัวยาสมุนไพรที่มีผลต่อการรักษา และ 3. พบแบคทีเรียที่เป็นอันตรายปนเปื้อนอยู่ ได้แก่ คลอสทริเดียม เพอร์ฟรินเจนส์ (Clostridium perfringens) ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้หากรับประทานเข้าไป จะส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย คล้ายอาหารเป็นพิษภายใน 48 ชั่วโมง หากปนเปื้อนในบาดแผลอาจทำให้แผลเน่าได้ ฉะนั้น น้ำมหาบำบัดถือว่ามีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ห้ามปนเปื้อนในยาเด็ดขาด

สำหรับกรณียาหยอดตา โดยมาตรฐานจะต้องมีหลักเกณฑ์คือ 1.ปราศจากเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อรา 2.จะต้องมีค่าความเป็นกรดด่างหรือค่าพี เอช (pH : Potential of Hydrogen ion) ในปริมาณที่เหมาะสมคืออยู่ระหว่าง 5.5-7.6 และ3.จะต้องมีตัวยาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาและไม่เป็นอันตราย สำหรับน้ำเจียรนัยเพชร ที่ใช้หยอดตา ราคาขวดละ 100 บาทนั้น ผลการวิเคราะห์พบว่า 1.มีค่าความเป็นกรดสูงเกินค่ามาตรฐานที่จะใช้หยอดตาที่อนุญาตตามกฎหมาย พบค่าพีเอช 3.15 ซึ่งเป็นกรดสูงกว่ามาตรฐาน 2.ไม่พบตัวยาที่มีผลต่อการรักษา ทั้งตัวยาแผนปัจจุบันและตัวยาสมุนไพร 3.พบเชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิด ได้แก่ คลอสทริเดียม เพอร์ฟรินเจนส์ (Clostridium perfringens) และบาซิลลัส พูมิลุส (Bacillus pumilus) และ4.พบเชื้อราปนเปื้อน ฉะนั้นหากนำไปหยอดตา ผู้เชี่ยวชาญรายงานว่าจะเหมือนนำกรดหรือน้ำส้มสายชูไปหยอดตา และมีเชื้อโรคและเชื้อราปนเปื้อนอยู่ด้วย อาจมีผลกระทบต่อกระจกตา ซึ่งหากมีแผลอยู่แล้วอาจเกิดการติดเชื้อตามมา และหากติดเชื้อรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอดได้

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขั้นตอนจากนี้ไป อย. จะส่งผลการตรวจสอบที่ได้รับจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยข้อหาที่กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งไว้ เป็นข้อหาที่เกี่ยวข้องกับ พระราชบัญญัติ 2 ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติยา 1.การผลิตและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.การโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และ 3.คือการโฆษณาเกินจริง ส่วนข้อหาที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติประกอบโรคศิลปะ มี 2 ข้อหา คือ 1. ประกอบโรคศิลปะโดยไม่ได้รับอนุญาต และ2. จัดตั้งสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอย. และกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป

สิ่งที่อยากเรียนเพิ่มเติมกับประชาชนคือ จะต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณา ไม่เฉพาะกรณีนี้ แต่ในทุกกรณีของการเสพโฆษณาสินค้าที่จำหน่ายไม่ว่ารูปแบบใดก็ตามอย่างมีวิจารณญาณ ไม่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อง่ายๆ โดยกระทรวงสาธารณสุข จะดูแลคุ้มครองผู้บริโภค ทั้งอาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ และอื่นๆ ในอำนาจหน้าที่ มุ่งเน้นการให้ความรู้ข้อเท็จจริงแก่ผู้บริโภคและประชาชน และการบังคับใช้กฎหมายในการดูแลผู้บริโภคให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและได้รับความเป็นธรรม ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ประกอบการที่ไม่สุจริต กรณีป้าเช็งคิดว่าจะช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักมากขึ้น ในการเลือกซื้อ เลือกบริโภคสินค้าใดๆ ก็ตาม

นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้ข้อสรุปผลการวิเคราะห์ชัดเจน จะรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบผล ว่าน้ำหมักชีวภาพป้าเช็ง ไม่มีสรรพคุณทางยา และยังมีแบคทีเรีย เชื้อราปนเปื้อน มีค่าความเป็นกรดสูง โดยหลักทางการแพทย์จึงไม่น่าจะมีผลทางการรักษา ในทางตรงกันข้ามอาจทำให้เกิดโรค มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร มีอันตรายอีกด้วย และได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีเฝ้าระวัง ในขอบเขตรับผิดชอบว่ายังมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ยา และพ.ร.บ.ประกอบโรคศิลปะหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องดำเนินการซ้ำ ถือเป็นนโยบายที่ต้องปฏิบัติชัดเจน แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการกระทำผิดซ้ำหรือไม่ ส่วนกรณีมีชาวบ้านที่จังหวัดพิษณุโลกทำน้ำหมักนั้น หากไปใช้ในการทำปุ๋ยก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่หากไปใช้ในทางรักษา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จะต้องเฝ้าระวังและทำความเข้าใจชี้แจงประชาชนว่า ไม่มีสรรพคุณทางยา

สำหรับประชาชนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ป้าเช็งไปใช้แล้วเกิดปัญหา กระทรวงสาธารณสุข ยินดีช่วยดูแลให้และในส่วนตำรวจได้รับข้อมูลจากผู้บังคับการว่า ถ้ามีผู้ร้องเรียนเกินกว่า 10 รายขึ้นไปจะพิจารณาว่าจะดำเนินข้อหาเพิ่มเติมเช่นฉ้อโกงประชาชน ซึ่งอยู่ในดุลยพินิจของตำรวจ

นายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า กรณีน้ำหมักป้าเช็งทราบว่าทำมานาน อย.ได้ติดตามข่าวการโฆษณาทางเคเบิลทีวีและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเริ่มติดตลาดมาก ๆ ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2552 ซึ่งอย.ได้รับรายงานมีผู้ร้องเรียนเข้ามา และรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ซึ่งเมื่อทราบว่ามียาหยอดตาด้วย ก็ได้เร่งดำเนินการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยธุรกิจของป้าเช็งที่ทำมาหลายปีเป็นการทำน้ำหมักชีวภาพ มีถังหมักขนาด 200 ลิตรรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ร้อยใบ การโฆษณาเป็นน้ำหมักชีวภาพที่ไม่ได้ใช้ในการรักษา ส่วนที่ใช้ในการรักษาจริง ๆ ทางกองยาได้เข้าไปตรวจสอบและเบื้องต้นได้สั่งระงับการโฆษณา จำหน่าย แจกจ่ายทั้งหมดแล้ว

**************************** 27 มกราคม 2553
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

ผลการดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะตาบอดจากเบาหวาน ณ จังหวีดอุบลราชธานี

at 3:04 PM

ผลการดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะตาบอดจากเบาหวาน ณ จังหวีดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 22-23 มกราคม 2553 ณ ดรงพยาบาลสิรินธร อำเภอสิรินธรและโรงพยาบาลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ฯพณฯ มร.มิเชล สแตยเบิร์ก เอกอัคราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย และมิสเบนิต้า เบอเทอม ผู้แทนมูลนิธิเบาหวานโลก ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขไทย รณ...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)


ผลการดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันภาวะตาบอดจากเบาหวาน ณ จังหวีดอุบลราชธานี

เมื่อวันที่ 22-23 มกราคม 2553 ณ ดรงพยาบาลสิรินธร อำเภอสิรินธรและโรงพยาบาลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ฯพณฯ มร.มิเชล สแตยเบิร์ก เอกอัคราชทูตเดนมาร์กประจำประเทศไทย และมิสเบนิต้า เบอเทอม ผู้แทนมูลนิธิเบาหวานโลก ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขไทย รณรงค์ให้การรักษาผ่าตัดตาด้วยแสงเลเซอร์บนรถผ่าตัดตาเคลื่อนที่พร้อมอุปกรณ์(Mobil Eye Unit) ในผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคแทรกซ้อนทางตาในท้องถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกลในชนบท เพื่อป้องกันตาบอดจากเบาหวานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 ผลการดำเนินงาน ดังนี้

1.คัดกรองผู้ป่วยเบาหวาน จำนวน 1,500 ราย
2.ถ่ายจอประสาทตาเพื่อหาความผิดปรกติ จำนวน 1,000 ราย
3.ผู้ป่วยได้รับการยิงเลเซอร์ จำนวน 101 ดวงตาแหล่งข่าวโดย.... สำนักวิชาการ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. เตรียมขยายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 ให้หญิงตั้งครรภ์ ในโรงพยาบาลเอกชน - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 2:31 PM

สธ. เตรียมขยายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 ให้หญิงตั้งครรภ์ ในโรงพยาบาลเอกชน สาธารณสุข เตรียมขยายฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้หญิงตั้งครรภ์ เพิ่มในโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ขณะนี้มีสมัครขอเข้าร่วมอีก 43 แห่ง จากเดิมมี 212 แห่ง คาดจะพิจารณาให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ สรุปผลฉีดวัคซีนขณะนี้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทยอยฉีดเพิ่มขึ้น เพราะมั่นใจความปลอด...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. เตรียมขยายฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009 ให้หญิงตั้งครรภ์ ในโรงพยาบาลเอกชน

สาธารณสุข เตรียมขยายฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้หญิงตั้งครรภ์ เพิ่มในโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ ขณะนี้มีสมัครขอเข้าร่วมอีก 43 แห่ง จากเดิมมี 212 แห่ง คาดจะพิจารณาให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ สรุปผลฉีดวัคซีนขณะนี้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงทยอยฉีดเพิ่มขึ้น เพราะมั่นใจความปลอดภัยมากขึ้น

วันนี้ (27 มกราคม 2553) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในโรงพยาบาลเอกชนว่า มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงให้ความสนใจมาร่วมฉีดวัคซีนจำนวนมาก ขณะนี้มีโรงพยาบาลเอกชนสมัครใจเข้าร่วมในการฉีดวัคซีน 212 แห่ง เป็นโรงพยาบาลในเขตกทม. 53 แห่ง และมีอีกประมาณ 43 แห่ง แสดงความจำนงต้องการร่วมให้บริการฉีดวัคซีนให้หญิงตั้งครรภ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ โดยโรงพยาบาลเอกชนที่จะเข้าร่วมโครงการต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคือ ต้องไม่คิดค่าวัคซีน เนื่องจากเป็นการสนับสนุนของรัฐบาล และขอความร่วมมือไม่ให้คิดค่าบริการฉีดวัคซีน ค่าเข็มฉีดยา และกระบอกฉีดยา กับหญิงตั้งครรภ์ที่มาฝากท้องในโรงพยาบาล ส่วนค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่ายาบำรุงเลือด ให้คิดเงินได้ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้โรงพยาบาลเอกชนต่างๆ ขอวัคซีนเพิ่มเข้ามาอีก 5,000 โด๊ส ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จ่ายวัคซีนให้โรงพยาบาลเอกชนไปแล้ว 3 หมื่นโด๊ส หากโรงพยาบาลเอกชนเข้าร่วมโครงการฯอีก 43 แห่ง ก็จะมีโรงพยาบาลเอกชนชนทั้งหมดร่วมโครงการทั่วประเทศ 255 แห่ง รวมจะได้รับวัคซีนสำหรับให้บริการทั้งหมดจำนวน 5 หมื่นโด๊ส แต่ละแห่งให้รายงานการฉีดให้กรมควบคุมโรคทุกเดือน ขณะนี้ทั่วประเทศ มีรายงานการใช้วัคซีนเข้ามา 74 จังหวัดรวม 52,398 ราย แนวโน้มการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ประชาชนมีความตื่นตัว เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ฉีดวัคซีนเป็นตัวอย่างทำให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้าใจว่าวัคซีนมีความปลอดภัย

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่ออีกว่า ส่วนเรื่องการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งเป็นยาที่ใช้กินและยาพ่นนั้น ที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยบางรายที่มีอาการหนักไม่สามารถรับยาได้ หรือระบบทางเดินอาหารมีปัญหาดูดซึมยาไม่ได้ ก็จะใช้ยาพ่นแทน แต่บางรายก็ใช้ยาพ่นไม่ได้เนื่องจากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ยังมีวิธีการใช้ยานี้คือการฉีดเข้าทางเส้นเลือด ซึ่งขณะนี้หลายประเทศกำลังพัฒนายาฉีด ส่วนประเทศไทยเรากำลังติดตามสถานการณ์ในเรื่องของยาฉีดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยานี้อยู่ในขั้นตอนของการวิจัย ยังไม่มีการขึ้นทะเบียนในหลายประเทศ ตามข่าวมีประเทศญี่ปุ่นที่ขึ้นทะเบียนแล้ว ขณะนี้กำลังจะติดต่อและดำเนินการสั่งเข้ามาเพื่อฉีดให้กับประชาชนที่มีอาการหนัก ส่วนเรื่องของประสิทธิภาพของยาใกล้เคียงกับยาตัวเดิม คือโอเซลทามีเวียร์ แต่เนื่องจากประสบการณ์การใช้มีน้อยเพราะเป็นยาใหม่ ก็คงจะต้องติดตามอาการและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดขณะที่ใช้ยาด้วย

**************************************** 27 มกราคม 2553
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จังหวัดพัทลุง ดำเนินการ "โครงการหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปี 2553

at 1:27 PM

จังหวัดพัทลุง ดำเนินการ "โครงการหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปี 2553 นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์(ด้านเวชกรรมป้องกัน)ชำนาญการพิเศษ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเจ็บป่วยของประชาชนในประเทศมีแนวโน้มเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อที่มีสาเหตุมาจากการปฏิบัติตัวที่ไ...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จังหวัดพัทลุง ดำเนินการ "โครงการหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปี 2553

นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์(ด้านเวชกรรมป้องกัน)ชำนาญการพิเศษ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การเจ็บป่วยของประชาชนในประเทศมีแนวโน้มเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อที่มีสาเหตุมาจากการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้องเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการปฏิบัติตัวที่ไม่ถูกต้อง ได้แก่ออกกำลังกาย กินผัก ผลไม้ ไม่เพียงพอ กินอาหารไขมัน อาหารหวานจัด เค็มจัด ทำให้เสียงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โดยเป็นปัญหาสาธารณสุขระดับต้นๆ ในปัจจุบัน
จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุงได้เห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้ทำ โครงการหมู่บ้านปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด ปี 2553 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีหมู่บ้านต้นแบบในปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชน เด็ก และเยาวชนมีพฤติกรรมด้านสุขภาพที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชน เด็ก และเยาวชนมีสุขภาพดีต่อไปในอนาคต และลดอัตราป่วยด้วยโรคที่มีสาเหตุมาจากการมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง โดยมีหมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการฯ ในปี 2553 จำนวน 28 หมู่บ้าน ดังนี้
1.บ้านไทรพอน หมู่ 9 ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน 2.บ้านใสกล้วย หมู่ 7 ต.บ้านพร้าว อ.ปากพะยูน
3.บ้านม่วงทวน หมู่ 3 ต.หารเทา อ.ปากพะยูน 4.บ้านไผ่ล้อม หมู่ 9 ต.บ้านพร้าว อ.ปากพะยูน
5.บ้านห้วยหลุด หมู่ 2 ต.ลานข่อย อ.ปากพะยูน 6.บ้านห้วยรำพึง หมู่ 8 ต.ลานข่อย อ.ปากพะยูน
7.บ้านประชาสามัคคี หมู่ 7 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม 8.บ้านห้วยกรวด หมู่ 2 ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม
9.บ้านใสกุน หมู่ 7 ต.ป่าพะยอม อ.ป่าพะยอม 10.บ้านอ่างทอง หมู่ 3 ต.อ่างทอง อ.ศรีนครินทร์
11.บ้านใสยาง หมู่ 3 ต.เขาเจียก อ.เมืองพัทลุง 12.บ้านไร่เหนือ หมู่ 4 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา
13.บ้านคู หมู่ 4 ต.คลองเฉลิม อ.กงหรา 14.บ้านทุ่งยาว หมู่ 11 ต.โคกม่วง อ.เขาชัยสน
15.บ้านเกาะประดู่ หมู่ 2 ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว 16.บ้านควนเล้าเป็ด หมู่ 7 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด
17.บ้านทุ่งหนักยอ หมู่ 10 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด 18.บ้านทุ่งไทรงาม หมู่ 6 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด
19.บ้านมาป หมู่ 4 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด 20.บ้านเกาะเรียน หมู่ 2 ต.คลองใหญ่ อ.ตะโหมด
21.บ้านตะแพน หมู่ 2 ต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต 22.บ้านไสเตียน หมู่ 6 ต.ชะม่วง อ.ควนขนุน
23.บ้านควนเพ็ง หมู่ 6 ต.โคกทราย อ.ป่าบอน 24.บ้านหูหนาน หมู่ 10 ต.เขาย่า อ.ศรีบรรพต
25.บ้านพังดาน หมู่ 2 ต.นาขยาด อ.ควนขนุน 26.บ้านวังจระเข้ หมู่ 5 ต.โตนดด้วน อ.ควนขนุน
27.บ้านท่าช้าง หมู่ 5 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน 28.ชุมชนบ้านไร่ ซอย 33 ถนนอภัยบริรักษ์ อ.เมือง
คาดว่าภายหลังจากการดำเนินโครงการดังกล่าว จังหวัดพัทลุงจะมีหมู่บ้านต้นแบบในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดโรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด และประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลต่อการมีสุขภาพที่ดีต่อไปในอนาคต แหล่งข่าวโดย.... งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ สสจ.พัทลุง [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิขอเชิญชวนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009

at 11:50 AM

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิขอเชิญชวนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 นายแพทย์ชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2553 พร้อมกันทั่วประเทศ ว่าจังหวัดชัยภูมิมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,900 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 1,000 คน โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนตามลำดับคือ กลุ่มแพทย์ พยาบาล...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิขอเชิญชวนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009

นายแพทย์ชูรัตน์ คูสกุลรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2553 พร้อมกันทั่วประเทศ ว่าจังหวัดชัยภูมิมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,900 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 1,000 คน โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนตามลำดับคือ กลุ่มแพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข ที่ปฏิบัติงานเสี่ยงต่อการสัมผัสโรคจากผู้ป่วย กลุ่มหญิงมีครรภ์เกิน 3 เดือน กลุ่มผู้มีน้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัมหรือดัชนีมวลกาย ตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร กลุ่มผู้พิการรุนแรงที่ไม่สามารถดูแลตนเองได้ กลุ่มบุคคลอายุ 6 เดือน ถึง 64 ปี ที่มีโรคประจำตัวได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด โรคหัวใจทุกประเภท หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างรับเคมีบำบัด ธาลัสซีเมียที่มีอาการรุนแรง ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง และเบาหวานไม่มีโรคแทรกซ้อน ซึ่งขณะนี้มีผู้ฉีดวัคซีนทั้งหมด 1,579 ราย คิดเป็นร้อยละ 14.49
นายแพทย์สาธารณสุขกล่าวต่ออีกว่า ที่จังหวัดชัยภูมิได้จัดวัคซีนไว้บริการที่โรงพยาบาลชัยภูมิและโรงพยาบาลประจำอำเภอทุกอำเภอ ตั้งเป้าหมายการให้วัคซีนได้เกินกว่าร้อยละ 95 ของกลุ่มเป้าหมาย แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้ความสมัครใจและยึดหลักความปลอดภัยของผู้รับวัคซีนเป็นสำคัญ ซึ่งผู้ที่ได้รับวัคซีนทุกคนจะได้รับทราบเหตุผล ความจำเป็น ข้อห้าม รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเพื่อจะได้สังเกตุอาการของตนเองและแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่อย่างทันท่วงที โดยสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 ยกเว้นกลุ่มหญิงมีครรภ์รับบริการได้จนถึง 31 พฤษภาคม 2553 สำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในจังหวัดชัยภูมิล่าสุดมีผู้ป่วยอยู่ในข่ายเฝ้าระวังจำนวน 15 คน ผู้ป่วยยืนยันเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จำนวน 8 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยจะมีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษตลอดช่วงฤดูกาลนี้


แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ประชุมวอร์รูมไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้วัคซีนที่ฉีดจะลดคนป่วยลงนับแสนคน

at 10:40 AM

สธ.ประชุมวอร์รูมไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้วัคซีนที่ฉีดจะลดคนป่วยลงนับแสนคน กระทรวงสาธารณสุข ประชุมวอร์รูมติดตามแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้สถานการณ์โรคขณะนี้พบผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทมากขึ้น รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม เน้นย้ำให้ประชาชนที่อยู่ใน 5 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันที่โรงพยาบาล โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าหลังฉีด...
วันที่ 27 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ประชุมวอร์รูมไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้วัคซีนที่ฉีดจะลดคนป่วยลงนับแสนคน

กระทรวงสาธารณสุข ประชุมวอร์รูมติดตามแก้ไขปัญหาโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ชี้สถานการณ์โรคขณะนี้พบผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทมากขึ้น รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม เน้นย้ำให้ประชาชนที่อยู่ใน 5 กลุ่มเสี่ยง เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันที่โรงพยาบาล โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าหลังฉีดวัคซีนครอบคลุม 2 ล้านโดสแล้ว ไทยจะสามารถคนป่วยลงได้นับแสนราย ลดผู้เสียชีวิตลงได้นับร้อย

เช้าวันนี้ ( 27 มกราคม 2553 ) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมวอร์รูมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์โรคและการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดทั่วประเทศ

นายแพทย์ศิริวัฒน์กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์โรคในรอบวันที่ 18-24 มกราคม 2553 พบผู้ป่วยรายใหม่ 46 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ยอดสะสมผู้เสียชีวิต 198 รายเท่าเดิม จากการเฝ้าระวังจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นใน 6 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น อ่างทอง จันทบุรี ชลบุรี สมุทรปราการ และเชียงใหม่ โดยพบผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทมากขึ้น

ในการประชุมครั้งนี้ ได้เร่งรัด 3 เรื่อง ได้แก่ 1. ให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีพฤติกรรมป้องกันโรค 4 พฤติกรรม ได้แก่ ปิดปาก จมูกเวลาไอจาม และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการเข้าไปในที่มีคนแน่นแออัด และหยุดงาน หยุดเรียน เมื่อป่วยเป็นเวลา 7 วันจนหายเป็นปกติ 2. ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เร่งรัดแจ้งให้กลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่มเสี่ยงเป้าหมาย ให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ครบโดยเร็ว และดำเนินการตามแนวทางที่กรมควบคุมโรคกำหนดอย่างเคร่งครัด และ 3 ให้ อสม.เคาะประตูบ้านให้ความรู้และให้กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งที่ขึ้นทะเบียนแล้วและที่ตกสำรวจให้ไปฉีดวัคซีน

ทางด้าน นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า วัคซีนที่ลงทุนฉีดให้กลุ่มเสี่ยง 2 ล้านโดส ในวงเงิน 600 ล้านบาท ครั้งนี้ จะมีผลในการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยสูงมาก หากฉีดครบทุกคนได้เร็วเท่าใด จะเป็นประโยชน์มาก กล่าวคือ คนไทยกลุ่มเสี่ยงมีภูมิต้านทานโรค 1.8 ล้านคน หากคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจจะป่วยได้ 1 แสนคน ป่วยมากต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 หมื่นคน และอาจเสียชีวิต 100 คน

อย่างไรก็ดี กรมควบคุมโรคได้รับแจ้งจากประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ตกสำรวจและไปขอรับการฉีดวัคซีนจากโรงพยาบาลภาครัฐ ขณะนี้ยังมีบางโรงพยาบาลให้บริการเฉพาะหญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 3เดือนขึ้นไปเท่านั้น เนื่องจากในช่วงแรกคาดว่าจะได้รับวัคซีนมาบางส่วน ไม่พอฉีดกลุ่มเสี่ยงทั้ง 5 กลุ่ม จึงเลือกหญิงกลุ่มตั้งครรภ์เป็นกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนก่อน แต่ขณะนี้วัคซีนมาครบ 2 ล้านโดสแล้ว จึงขอให้โรงพยาบาลภาครัฐทุกแห่งฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ทั้ง 5 กลุ่มเสี่ยงพร้อมกันได้เลย ซึ่งโรงพยาบาลส่วนใหญ่ได้ดำเนินการแล้ว
****************************** 27 มกราคม 2553
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [27/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.สงขลา จัดประกวด คปสอ. ดีเด่น ผลักดันการพัฒนางานที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

at 10:13 AM

สธ.สงขลา จัดประกวด คปสอ. ดีเด่น ผลักดันการพัฒนางานที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา จัดประกวดคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ(คปสอ.)ดีเด่น สนับสนุนการดำเนินการบริหารงานเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ ให้บรรลุเป้าหมายของจังหวัดตามนโยบายสงขลาพัฒนา ประชามีสุข นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่...
วันที่ 26 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.สงขลา จัดประกวด คปสอ. ดีเด่น ผลักดันการพัฒนางานที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา จัดประกวดคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ(คปสอ.)ดีเด่น สนับสนุนการดำเนินการบริหารงานเชิงพื้นที่ในระดับอำเภอ ให้บรรลุเป้าหมายของจังหวัดตามนโยบายสงขลาพัฒนา ประชามีสุข
นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา กล่าวว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา มีนโยบายการพัฒนา สงขลาพัฒนา ประชามีสุข โดยมียุทธศาสตร์การพัฒนา 5 ยุทธศาสตร์ ซึ่งในยุทธศาสตร์ที่ 2 เป็นการพัฒนาการบริหารจัดการเพื่อการบริหารทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้จัดให้มีโครงสร้างคณะกรรมการประสานงานสาธารณสุขระดับอำเภอ(คปสอ.) เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนางานสาธารณสุขที่เชื่อมต่องานระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และยุทธศาสตร์ และส่งผลต่องานสาธารณสุขในภาพรวมจังหวัดให้บรรลุเป้าหมาย สงขลาพัฒนา ประชามีสุข ดังนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้น ส่งเสริมการดำเนินงานของ คป.สอ. ให้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างขวัญกำลังใจ สร้างการทำงานเป็นทีม จึงได้จัดการประกวด คปสอ.ดีเด่น จังหวัดสงขลา ประจำปี 2552 โดยมีการประเมินผลการดำเนินงานด้านโครงสร้างการทำงาน กระบวนการ และผลลัพธ์ ของ คป.สอ.ทุกแห่ง รวม 16 แห่ง(อำเภอ) และจัดให้มีเวทีการนำเสนอผลงานเด่นของ คปสอ.ขึ้นในวันที่ 25-26 มกราคม 2553 ณ โรงแรมเจ บี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีคณะวิทยากร ร่วมวิพากย์ เสนอแนะ และให้คะแนนการนำเสนอได้แก่ นายแพทย์สรรพงษ์ ฤทธิรักษา นายแพทย์เชี่ยวชาญด้าน เวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา , ผศ.ดร.สุกัญญา โลจนาภิวัฒน์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หาดใหญ่ และ คุณปัจฉิมา บัวยอม นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิศษ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 สงขลา
สำหรับผลการประกวด คปสอ.ดีเด่น จังหวัดสงขลา ปี 2552 ดังนี้
รางวัลชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัล 15,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ คปสอ.สิงหนคร นำเสนอผลงานเด่นเรื่อง โครงการพัฒนาเครือข่ายบริการสุขภาพสู่การรับรองมาตรฐานศูนย์สุขภาพชุมชน เครือข่ายบริการสุขภาพอำเภอสิงหนคร
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1ได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ คปสอ.นาทวี นำเสนอผลงานเด่นเรื่อง ระบบการพัฒนาสนับสนุนเวชภัณฑ์สำหรับเครือข่ายสถานพยาบาลอำเภอนาทวี
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณได้แก่ คปสอ.กระแสสินธุ์ นำเสนอผลงานเด่นเรื่อง ถนนสายสุขภาพ
รางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้รับเงินรางวัลๆ ละ 3,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่
1) คปสอ.ควนเนียง นำเสนอผลงานเด่นเรื่อง การป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิด เอ เอช1 เอ็น1
2) คปสอ.คลองหอยโข่ง นำเสนอผลงานเด่นเรื่อง โครงการพัฒนาเครือข่ายสุขภาพในการจัดระบบงานสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคเชิงรุกแบบมีส่วนร่วมของชุมชนโดยใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ อำเภอคลองหอยโข่ง
โดยผู้ชนะการประกวดดังกล่าว เข้ารับเงินรางวัลและโล่ประกาศเกียรติคุณจาก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา แล้ว ในวันที่ 26 มกราคม 2553 ณ ห้องตะกั่วป่า โรงแรมเจ บี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
แหล่งข่าวโดย.... ฝ่ายสุขศึกษาประชาสัมพันธ์และประสานเครือข่ายพันธมิตรสุขภาพ [26/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ปัตตานีเตรียมระดมทีมสกัดโรคอหิวาตกโรคหลังระบาดแบบใหม่

Tuesday, January 26, 2010 at 9:32 PM

สสจ.ปัตตานีเตรียมระดมทีมสกัดโรคอหิวาตกโรคหลังระบาดแบบใหม่ ปัตตานี - นายแพทย์สาธารณสุขปัตตานี เตรียมระดมทีมสอบสวนลงควบคุมโรคอหิวาตกโรคตามหมู่บ้าน พร้อมแจ้งเตือน หลังพบการแพร่เชื้อแบบใหม่ในน้ำประปาหมู่บ้านเพิ่มจากพื้นที่ติดแม่น้ำและแนวชายฝั่งทะเล สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอหิวาตกโรคในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงมีต่อเนื่อง ล่าสุด...
วันที่ 26 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.ปัตตานีเตรียมระดมทีมสกัดโรคอหิวาตกโรคหลังระบาดแบบใหม่

ปัตตานี - นายแพทย์สาธารณสุขปัตตานี เตรียมระดมทีมสอบสวนลงควบคุมโรคอหิวาตกโรคตามหมู่บ้าน พร้อมแจ้งเตือน หลังพบการแพร่เชื้อแบบใหม่ในน้ำประปาหมู่บ้านเพิ่มจากพื้นที่ติดแม่น้ำและแนวชายฝั่งทะเล

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคอหิวาตกโรคในพื้นที่ จ.ปัตตานี ยังคงมีต่อเนื่อง ล่าสุดพบเชื้อได้ระบาดเข้าไปตามหมู่บ้านต่างๆ นอกเหนือจากที่เคยพบเฉพาะในส่วนที่เป็นหมู่บ้านชุมชนตลอดสองฝั่งแม่น้ำปัตตานี และชุมชนที่อยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลของ จ.ปัตตานี ในช่วงก่อนหน้านี้เท่านั้น ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากประชาชนที่รับเชื้อจากการรับประทานสัตว์น้ำโดยเฉพาะสัตว์ทะเลที่ชาวประมงจับได้ตลอดแนวชายฝั่งและในพื้นที่ระบาด โดยลาสุดพบว่าเชื้อได้ระบาดเพิ่มเข้าไปอยู่ในระบบน้ำประปาหมู่บ้านและทำให้ชาวบ้านใน 12 อำเภอ เริ่มติดเชื้อกันบ้างแล้ว

นายแพทย์ อุดมเกียรติ พูลสวัสดิ์ นายแพทย์ผู้เชียวชาญเวชกรรมป้องกันสำนักงาน สาธารณสุข จ.ปัตตานี (รักษาการแทน) กล่าวว่าจากที่ได้ตรวจพบว่าขณะนี้เชื้ออหิวาตกโรคได้มีการแพร่ระบาดเข้าไปตามหมู่บ้านที่อยู่นอกเหนือจากเขตควบคุมและป้องกันนั้น โดยล่าสุดพบจุดแพร่เชื้อมาตามระบบประปาหมู่บ้าน ซึ่งในเบื้องต้นได้ขอความร่วมมือในการนำสารครอลีนไปใส่ยังแท้งค์น้ำประปาของแต่ละชุมชน หมู่บ้าน เพื่อป้องกันโรคขยายพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้ตั้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ชุดสวบสวนโรคลงพื้นที่เพื่อทำการควบคุมการแพร่ระบาดและกำจัดเชื้อให้สงบโดยเร็ว

ในขณะที่จำนวนยอดผู้ป่วยติดเชื้ออหิวาตกโรคทางนายแพทย์สาธารณสุข จ.ปัตตานี ยังได้สั่งให้มีการตัดยอดผู้ป่วยติดเชื้อในปี 52 ที่ผ่านมาซึ่งมีมากกว่า 400 รายออก เพื่อให้งายต่อการควบคุมและไม่ให้มียอดรวมผู้ป่วยที่ติดเชื้อซึ่งจะดูมากจนทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตกกังวน และให้เริ่มทำสถิติพื้นที่ระบาดใหม่เพิ่มเติมตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. จนปัจจุบัน

ซึ่งก็พบมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 80 ราย ที่กระจ่ายอยู่ในทุกอำเภอ แต่ไม่อยู่ในภาวะที่รุนแรงนัก ซึ่งสำนักงานสาธารณสุข จ.ปัตตานี จะมีการวางแผนและสนับสนุนทรัพยากรในการควบคุมป้องกัน ปรับปรุงสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม การสื่อสารให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเฝ้าระวังโรคแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันโรคอหิวาตกโรคกลับมาแพร่ระบาดหนักอีกครั้ง แหล่งข่าวโดย.... ASTV ผู้จัดการออนไลน์ [26/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สงขลา ย้ำ พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำเด็กไปรับการหยอดวัคซีนโปลิโอ รอบ 2 อีกครั้ง

at 7:55 PM

สสจ.สงขลา ย้ำ พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำเด็กไปรับการหยอดวัคซีนโปลิโอ รอบ 2 อีกครั้ง สาธารณสุขจังหวัดสงขลาเน้นย้ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าว ที่อายุต่ำกว่า 15 ปีทุกคน เข้ารับการหยอดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอ รอบที่ 2 ในวันที่ 27 มกราคม 2553 นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในส...
วันที่ 26 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ.สงขลา ย้ำ พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำเด็กไปรับการหยอดวัคซีนโปลิโอ รอบ 2 อีกครั้ง

สาธารณสุขจังหวัดสงขลาเน้นย้ำให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง นำเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าว ที่อายุต่ำกว่า 15 ปีทุกคน เข้ารับการหยอดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอ รอบที่ 2 ในวันที่ 27 มกราคม 2553
นายแพทย์สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในส่วนของจังหวัดสงขลาได้ให้บริการหยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอรอบแรกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งครอบคลุมเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าวที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดสงขลาและจะดำเนินการหยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ รอบที่ 2 แก่เด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างด้าวที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปีทุกคนอีกครั้ง ในวันพุธที่ 27 มกราคม 2553 เพื่อเป็นการเพิ่มระดับภูมิต้านทานโรคของกลุ่มเป้าหมายและระดับชุมชน จึงขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุต่ำกว่า 5 ปี และนายจ้างของแรงงานต่างด้าว ที่มีบุตรหลานแรงงานต่างด้าวอายุต่ำกว่า 15 ปีทุกคน พาบุตรหลานไปรับการหยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอตามกำหนด ณ สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง และหน่วยบริการเคลื่อนที่ใกล้บ้าน นอกจากนี้บุคลากรสาธารณสุขพร้อมด้วย อสม. ในพื้นที่ ได้ออกให้บริการหยอดวัคซีนโปลิโอให้กับเด็กกลุ่มเป้าหมายในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนด้วย
สำหรับเด็กที่เคยรับวัคซีนแล้วสามารถไปรับได้อีก เพราะไม่เป็นอันตรายและจะสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่พบรายงานผู้ป่วยโปลิโอแล้วก็ตาม แต่อาจมีการรับเชื้อโปลิโอเกิดขึ้นได้ เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านและมีการเดินทางสัญจรเข้ามาเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโปลิโอข้ามชาติ และควรสร้างเสริมสุขนิสัยในเรื่อง การกินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากเชื้อโรคโปลิโอ แหล่งข่าวโดย.... ฝ่ายสุขศึกษาประชาสัมพันธ์และประสานเครือข่ายพันธมิตรสุขภาพ [26/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ยะลารณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2 - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 6:18 PM

สธ.ยะลารณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา รณรงค์ให้ประชาชนหรือผู้ปกครองนำเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และแรงงานต่างด้าวที่มีอายุ ต่ำกว่า 15 ปี รับบริการหยอดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2 ฟรี ในวันที่ 27 มกราคม 2553 ณ จุดบริการ หรือ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทุกแห่ง นายแพทย์สวัสดิ์ ...
วันที่ 26 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ยะลารณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา รณรงค์ให้ประชาชนหรือผู้ปกครองนำเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และแรงงานต่างด้าวที่มีอายุ ต่ำกว่า 15 ปี รับบริการหยอดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2 ฟรี ในวันที่ 27 มกราคม 2553 ณ จุดบริการ หรือ สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทุกแห่ง

นายแพทย์สวัสดิ์ อภิวัจนีวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า โรคโปลิโอ เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ ทำให้มีอันตรายต่อระบบประสาทส่วนไขสันหลัง ซึ่งในรายที่มีอาการรุนแรงทำให้เกิดอัมพาตของกล้ามเนื้ออย่างถาวร ทำให้เกิดความพิการและบางครั้งอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ โดยโรคนี้ส่วนใหญ่จะพบในประชากรวัยเด็ก แต่สามารถป้องกันได้โดยการสร้างภูมิต้านทานตั้งแต่เด็ก โดยการรับวัคซีนโปลิโอชนิดกินตามกำหนดนัดปกติให้ครบ 5 ครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการเร่งรัดกวาดล้างโรคโปลิโอให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้หน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการรณรงค์การให้วัคซีนโปลิโอเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคแก่เด็กไทยที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปี

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลาจึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์หยอดวัคซีนโปลิโอ ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ให้ได้รับวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ 2 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ 1 ได้หยอดไปแล้วเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 และ ครั้งที่ 2 กำหนดหยอดในวันพุธที่ 27 มกราคม 2553 ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ อสม. ลงพื้นที่เพื่อให้บริการทุกพื้นที่ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ จึงขอเชิญชวนประชาชนหรือผู้ปกครองนำเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ไปรับการหยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ครั้งที่ 2 ได้ ณ จุดบริการในหมู่บ้านหรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านทุกแห่ง ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [26/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ป้องกันโปลิโอเข้าไทย รณรงค์หยอดวัคซีน พร้อมกันพรุ่งนี้ทั่วประเทศ

at 5:05 PM

สธ.ป้องกันโปลิโอเข้าไทย รณรงค์หยอดวัคซีน พร้อมกันพรุ่งนี้ทั่วประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กำหนดรณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอให้เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปีในพื้นที่เป้าหมายพิเศษ และเด็กต่างชาติอายุตำกว่า 15 ปีพร้อมกันทั่วประเทศอีก 1 วันในวันพรุ่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคโปลิโอหวนกลับไทย เนื่องจากขณะนี้โรคโปลิโอมีการระบาดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้...
วันที่ 26 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.ป้องกันโปลิโอเข้าไทย รณรงค์หยอดวัคซีน พร้อมกันพรุ่งนี้ทั่วประเทศ

กระทรวงสาธารณสุข กำหนดรณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอให้เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปีในพื้นที่เป้าหมายพิเศษ และเด็กต่างชาติอายุตำกว่า 15 ปีพร้อมกันทั่วประเทศอีก 1 วันในวันพรุ่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคโปลิโอหวนกลับไทย เนื่องจากขณะนี้โรคโปลิโอมีการระบาดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้ไทย

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ (27 มกราคม 2553) กระทรวงสาธารณสุข กำหนดรณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอประจำปี 2552 ครั้งที่ 2 ให้แก่เด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปีที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ เด็กที่อยู่พื้นที่ทุรกันดาร เด็กด้อยโอกาสในชุมชนแออัด แรงงานก่อสร้าง รับจ้างทำไร่ ทำประมง และเด็กต่างชาติอายุต่ำกว่า 15 ปีในประเทศไทย รวมประมาณ 2 ล้าน 5 แสนคน พร้อมกันทั่วประเทศให้เสร็จในวันเดียว เพื่อให้เด็กทุกคนมีภูมิต้านทานโรคโปลิโอพร้อมกัน หากมีเชื้อโปลิโอเล็ดลอดมาจากนอกประเทศ ก็จะไม่ติดเชื้อและแพร่กระจายในประเทศ เด็กที่ได้รับวัคซีนดังกล่าวจะมีภูมิต้านทานโรค จึงขอให้พาบุตรหลานไปรับการหยอดวัคซีน ฟรี ที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพียง 1 วันเท่านั้น

นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมาเป็นเวลากว่า 12 ปี แต่โรคนี้มีโอกาสจะหวนกลับมาอีก เนื่องจากบางประเทศในเอเชีย เช่น อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ยังมีการระบาดของโรคนี้อยู่ กระทรวงสาธารณสุข จึงได้กำหนดรณรงค์หยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอระดับชาติ แก่เด็กไทยและเด็กต่างชาติพร้อมกันทั่วประเทศปีละ 2 ครั้ง ในปี 2552 กำหนดหยอดครั้งที่ 1 วันที่ 23 ธันวาคม 2552 และครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มกราคม 2553 กำหนดความครอบคลุมการได้รับวัคซีนในช่วงรณรงค์ครั้งละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 จากรายงานการรณรงค์ครั้งที่ 1 มีความครอบคลุมประมาณร้อยละ 97

ด้านนายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โปลิโอเป็นโรคติดต่อ เกิดจากเชื้อไวรัสโปลิโอ มีชีวิตอยู่ได้เฉพาะในร่างกายคนเท่านั้น เชื้อจะออกมากับอุจจาระของผู้ป่วยหรือผู้มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ ติดต่อกันโดยปนเปื้อนในอาหารหรือติดตามเล็บมือ เชื้อจะไปเจริญเติบโตในลำไส้ อาการสำคัญคือ มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เจ็บคอ คลื่นไส้ ปวดศีรษะ ปวดตึงกล้ามเนื้อ หากเชื้อเข้าสู่ระบบประสาท จะทำให้แขน ขาอ่อนแรง หากเกิดที่กระบังลม อาจทำให้เสียชีวิตได้ มักพบโรคนี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เพราะเด็กเล็กมีภูมิต้านทานน้อย ยังดูแลตนเองไม่ได้ โรคนี้ไม่มียารักษา แต่มีวัคซีนป้องกัน โดยหยอด 5 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 2, 4, 6 เดือน และหยอดกระตุ้นซ้ำเมื่ออายุ 1 ปีครึ่ง และ 4 ปี และรณรงค์หยอดวัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อป้องกันโรคจากต่างประเทศทุกปี ปีละ 2 ครั้ง

สถานการณ์โรคโปลิโอทั่วโลกในปี 2552 มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 1,588 รายใน 23 ประเทศ ร้อยละ 78 เป็นผู้ป่วยที่เกิดในประเทศที่มีโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่น ที่เหลือเป็นผู้ป่วยในประเทศที่ไม่มีโรคนี้แล้ว แต่ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ ประเทศที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคืออินเดีย 724 ราย รองลงมาคือไนจีเรีย 388 ราย ที่น่าเป็นห่วงคือการระบาดที่ประเทศอินเดีย อัฟกานิสถาน และปากีสถาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากไทย มีประชาชนจากประเทศดังกล่าวเดินทางมาไทยค่อนข้างมาก อาจนำเชื้อโรคมาแพร่ในไทยได้ จึงขอให้พาลูกหลาน รวมทั้งเด็กต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวชายแดน ไปรับบริการหยอดวัคซีนในวันพรุ่งนี้ไห้ได้มากที่สุด แม้ว่าไม่ได้มารับวัคซีนครั้งที่ 1 ก็ตาม ก็สามารถรับบริการหยอดในวันพรุ่งนี้ได้

****************************** 26 มกราคม 2553 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [26/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ. นราธิวาส ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการกรมการแพทย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552

at 10:13 AM

สสจ. นราธิวาส ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการกรมการแพทย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการกรมการแพทย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2553 เพื่อถวาย...
วันที่ 26 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สสจ. นราธิวาส ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการกรมการแพทย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการกรมการแพทย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม 2553
นายแพทย์ศิริชัย ลีวรรณนภาใส นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า กรมการแพทย์ได้จัดโครงการกรมการแพทย์พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุแบบเบ็ดเสร็จ ปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 โดยมีแผนการดำเนินงานในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดราชบุรี นราธิวาส ร้อยเอ็ด และกำแพงเพชร กำหนดจัดกิจกรรมในจังหวัดนราธิวาสระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม 2553 ณ บริเวณหน้าอาคารเฉลิมราชย์ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ดังนี้
1. ให้บริการทางการแพทย์แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดบริการเดียว
- ตรวจคัดกรองระบบประสาทและจดทะเบียนคนพิการ/ต่อสมุดคนพิการ
- ฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ เช่น ทำกายภาพบำบัด กิจกรรมบำบัด
- บริการผลิตและซ่อม แขน ขา เทียม อุปกรณ์เสริมและรองเท้าคนพิการ
- ให้อุปกรณ์เครื่องช่วยคนพิการ ได้แก่ รถนั่งคนพิการ เครื่องช่วยเดิน ไม้ค้ำยันไม้เท้า
- การตรวจคัดกรองโรคข้อเข่าเสื่อม
- บริการด้านจักษุ วัดความชัดของตา คัดกรองเบาหวานเข้าจอประสาทตา ตรวจวัดสายตาประกอบแว่น
- บริการทันตกรรม ขูดหินปูน ถอนฟัน อุดฟัน
ซึ่งผู้สูงอายุ 1 คน สามารถขอรับบริการได้ทุกประเภท
2. อบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ญาติและผู้ดูแลผู้ใกล้ชิดผู้พิการ
นายแพทย์ศิริชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กิจกรรมตามโครงการดังกล่าวเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2553 เฉพาะในส่วนของการทำขาเทียม ส่วนกิจกรรมอื่นๆจะดำเนินการพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม 2553 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. มีพิธีเปิดโครงการฯในวันที่ 28 มกราคม 2553 ณ บริเวณหน้าอาคารเฉลิมราชย์ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เวลา 11.00-12.00 น. จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้พิการและผู้สูงอายุเข้าร่วมโครงการดังกล่าว แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [26/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ ให้ผู้ตรวจราชการ สธ. ลงพื้นที่กำกับทุกจังหวัด ควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้มข้น

at 8:06 AM

จุรินทร์ ให้ผู้ตรวจราชการ สธ. ลงพื้นที่กำกับทุกจังหวัด ควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้มข้น วันนี้ (25 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินงานควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ในวันนี้ได้ประชุม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวง อธิบดีทุกกรม และหัวหน้าผู้ตรวจ...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ ให้ผู้ตรวจราชการ สธ. ลงพื้นที่กำกับทุกจังหวัด ควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เข้มข้น

วันนี้ (25 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินงานควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ว่า ในวันนี้ได้ประชุม ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รองปลัดกระทรวง อธิบดีทุกกรม และหัวหน้าผู้ตรวจราชการ โดยขณะนี้สถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มกระจายไปชนบทมากขึ้น ได้กำหนดทิศทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาเพื่อลดการระบาด การเจ็บป่วย และลดการเสียชีวิตที่อาจเกิดในอนาคต ได้มอบนโยบายให้มุ่งเน้นไปที่ส่วนภูมิภาคมากขึ้น เร่งรัดให้ผู้ตรวจราชการทุกเขต ลงกำกับดูแลทุกจังหวัดให้ดำเนินการเฝ้าระวัง ควบคุมโรค และมาตรการอื่น ๆอย่างใกล้ชิด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการบูรณาการแผนงานแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเป็นหลัก ประการที่ 2 จะทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังกระทรวงที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง เช่น มหาดไทย ศึกษาธิการ เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาสอดคล้องกัน

สำหรับเรื่องการฉีดวัคซีน จะเร่งรณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงทั้ง 5 กลุ่มมารับการฉีดให้มากขึ้น ครบ 2 ล้านคนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ภายในเดือนมีนาคม 2553 แต่จนถึงขณะนี้ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ข้อมูลเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2553 ฉีดแล้วประมาณ 40,000 กว่าราย ได้เร่งรัดให้ อสม. รณรงค์ให้ความรู้ทุกครัวเรือน เพื่อแนะนำให้กลุ่มเสี่ยงมารับบริการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล

นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า จะขอความร่วมมือร้านขายยาให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันตนเอง และแนะนำไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ส่วนใหญ่จะไปร้านขายยา อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาล่าช้าในการระบาดรอบแรก โดยให้ทุกจังหวัดจัดประชุมชี้แจงผู้ประกอบการร้านขายยาต่อไป และได้มอบหมายให้นายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวง กำหนดทิศทางรณรงค์การฉีดวัคซีนในกลุ่มเสี่ยง อาจกำหนดให้มีเดือนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 และได้เร่งรัด องค์การเภสัชกรรมเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในประเทศไทย ลดการนำเข้าในอนาคต

**************************** 25 มกราคม 2553 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

กรมควบคุมโรคเปิดรณรงค์ยุทธการ4444 ที่ขอนแก่นนำคนอีสานสู้หวัด2009

Monday, January 25, 2010 at 9:32 PM

กรมควบคุมโรคเปิดรณรงค์ยุทธการ4444 ที่ขอนแก่นนำคนอีสานสู้หวัด2009 ศูนย์ข่าวขอนแก่นกรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ขานรับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ ยุทธการ 4444 ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด ภาคอีสานสู้ไข้หวัด 2009 หวังขยายความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อยุทธศาสตร์ดังกล่าว เพื่อร่วมป้องกันการแพร่ระบาดของโรค...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

กรมควบคุมโรคเปิดรณรงค์ยุทธการ4444 ที่ขอนแก่นนำคนอีสานสู้หวัด2009

ศูนย์ข่าวขอนแก่นกรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ขานรับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ ยุทธการ 4444 ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด ภาคอีสานสู้ไข้หวัด 2009 หวังขยายความเข้าใจของประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อยุทธศาสตร์ดังกล่าว เพื่อร่วมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเข้มแข็ง

วันนี้ (25 ม.ค.53) นายแพทย์มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย ดร.นายแพทย์ณรงค์ วงศ์บา ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น และ นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองนายแพทย์สสจ.จังหวัดขอนแก่น ร่วมพิธีเปิดการรณรงค์ ยุทธการ 4444 ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด ภาคอีสานสู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 ณ ห้องประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีนายปราโมทย์ สัจจารักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดงาน

ดร.นายแพทย์ณรงค์ เปิดเผยว่า กรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ขานรับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ ยุทธการ 4444 ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด สู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 คาดภาพรวมในช่วง 3 เดือนข้างหน้า มีความเสี่ยงที่จะมีการขยายตัวของการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ระลอกใหม่ ทั้งปัจจัยสภาพอากาศที่เย็นลง มีการแพร่เชื้อเข้ามาจากประเทศในซีกโลกเหนือ และกิจกรรมรวมกับของคนหมู่มากในเทศกาลต่างๆ ซึ่งจะทำให้การแพร่กระจายของเชื้อเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดขอนแก่น กล่าวอีกว่า ยุทธการ 4444 ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด สู้ไข้หวัดใหญ่ 2009 มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างพฤติกรรมที่ดี 4 อย่าง ในการป้องกันโรคของประชาชน ใน 4 กลุ่มเสี่ยง คือ ปิด - ปิดปากปิดจมูก โดยสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง , ล้าง - ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่บ่อยๆ , เลี่ยง เลี่ยง การอยู่ในที่แออัด ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย , หยุด หยุดเรียน หยุดงาน เมื่อเป็นไข้หวัด เพื่อไม่เป็นผู้แพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่น

ทั้งนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ทุกจังหวัดเร่งรณรงค์ ให้ประชาชนทุกพื้นที่ มีความเข้าใจและเกิด 4 พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโรคไข้หวัด 2009 ในพื้นที่แหล่งข่าวโดย.... ASTV ผู้จัดการออนไลน์ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ ตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด ดูแลสุขภาพประชาชนเขตมาบตาพุดในระยะเร่งด่วน

at 8:56 PM

จุรินทร์ ตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด ดูแลสุขภาพประชาชนเขตมาบตาพุดในระยะเร่งด่วน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพประชาชน ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ. ระยอง ว่า ในระยะเร่งด่วนนี้ จะเน้นการทำงานเชิงรุก โดยตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด เพื่อรับผิดชอบดูแลสุขภาพอนามัยประชาชน ในบ...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ ตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด ดูแลสุขภาพประชาชนเขตมาบตาพุดในระยะเร่งด่วน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพประชาชน ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ. ระยอง ว่า ในระยะเร่งด่วนนี้ จะเน้นการทำงานเชิงรุก โดยตั้งคณะกรรมการ 1 ชุด เพื่อรับผิดชอบดูแลสุขภาพอนามัยประชาชน ในบริเวณเขตอุตสาหกรรมมาบตาพุด และกำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการให้ความรู้และดูแลสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อสุขภาพที่มาบตาพุดนั้น กระทรวงสาธารณสุขมีบทบาทตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการโรงงาน ต้องประเมินผลกระทบต่อสุขภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเกี่ยวข้องกับผลกระทบด้านสุขภาพหรือสาธารณสุข โดยมีบทบาทใน 3 ส่วน ส่วนที่ 1 คือร่วมเป็น 1 ในคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่มีนายอนันต์ ปัญยารชุน เป็นประธาน ซึ่งเป็นคณะกรรมการชุดใหญ่สุดในขณะนี้ ทำหน้าที่คล้ายองค์กรอิสระที่ระบุในรัฐธรรมนูญ

ส่วนที่ 2 คือการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและผลกระทบด้านสุขภาพ เมื่อโรงงานส่งผลการศึกษารายงานมายังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลัก จะมีผู้แทนของกระทรวงสาธารณสุขร่วมในคณะกรรมการพิจารณาเอกสารเพื่ออนุมัติด้วย และส่วนที่ 3 คืองานที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน ทั้งการส่งเสริม ป้องกันควบคุมโรค การรักษาพยาบาล และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะเดินหน้ามาตรการเชิงรุก มีกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงสาธารณสุขดำเนินงาน โดยกระทรวงสาธารณสุข จะเร่งรัดการจัดตั้งศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่ให้การดูแลผู้ป่วยทั้งที่เกิดจากการประกอบอาชีพ และจากผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม เริ่มตั้งแต่ปี 2553 2555 โดยจะเร่งผลิตแพทย์เวชศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพิ่มเพื่อประจำศูนย์ เพื่อบริการประชาชนที่เจ็บป่วยจากปัญหาด้านนี้เป็นการเฉพาะ นายจุรินทร์ กล่าว

****************************** 25 มกราคม 2553 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

หนองคาย คัดเลือก อสม. ดีเด่น เพื่อประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญกำลังใจ - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 7:55 PM

หนองคาย คัดเลือก อสม. ดีเด่น เพื่อประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญกำลังใจ หนองคาย คัดเลือก อสม. ดีเด่น เพื่อประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญกำลังใจ นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

หนองคาย คัดเลือก อสม. ดีเด่น เพื่อประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญกำลังใจ


หนองคาย คัดเลือก อสม. ดีเด่น เพื่อประกาศเกียรติคุณ สร้างขวัญกำลังใจ


นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองคาย เปิดเผยว่า จากการที่ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้ วันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีนโยบายให้มีการประกวด อสม. ดีเด่น ระดับต่างๆ จำนวน 11 สาขา เป็นกิจกรรมต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจและยกย่องเชิดชูเกียรติ แก่ อสม. ดังนั้น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย จึงได้จัดประกวดคัดเลือก อสม. ดีเด่น ระดับจังหวัด ประจำปี 2553 จึงได้ทำการดำเนินการออกประกวด 17 อำเภอ ปรากฏผล ดังนี้

สาขาที่ 1 การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ได้แก่ นางปภาดา แก้วกันญา อำเภอท่าบ่อ
สาขาที่ 2 สุขภาพจิตชุมชน นางสาว นภาทด ทำเนาว์ อำเภอรัตนวาปี
สาขาที่ 3 การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน นายฉัตรชัย ชัยเพชร อำเภอรัตนวาปี
สาขาที่ 4 การบริการสุขภาพใน ศสมช. นางสนม จันทำมา อำเภอเมืองหนองคาย
สาขาที่ 5 การแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ นางรุ่งนภา กุลวงษ์ อำเภอศรีเชียงใหม่
สาขาที่ 6 การป้องกันแก้ไขและแก้ไขปัญหาเอดส์เอดส์ในชุมชน นายประยงค์ หัดวิมล อำเภอศรีวิไล
สาขาที่ 7 การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ นายพิพัฒน์พงษ์ พิมพา อำเภอท่าบ่อ
สาขาที่ 8 การส่งเสริมสุขภาพ นางแสงทอง ไชยจันพรม อำเภอท่าบ่อ
สาขาที่ 9 การป้องกันและควบคุมโรคไม่ติดต่อ นางบุญหลาย ศรีบุญเรือง อำเภอโซ่พิสัย
สาขาที่ 10 การจัดการสุขภาพชุมชน นางสมัย ชนาราษฎร์ อำเภอเฝ้าไร่
สาขาที่ 11 นมแม่ สายใยรักแห่งครอบครัว นางเรณู ชั้นเสมา อำเภอท่าบ่อ

ทั้งนี้ อสม. ที่ได้รับรางวัลดีเด่นระดับจังหวัดหนองคาย จะได้เข้าร่วมประกวดในระดับ เขตและในระดับประเทศ ต่อไป และเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ อสม.ที่ประสบผลสำเร็จในสาขาต่างๆ จะได้รับมอบโล่รางวัลและประกาศเกียรติคุณ โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย นายคมสัน เอกชัย เป็นประธานในพิธีมอบในวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ 20 มีนาคม 2553 ณ ศาลากลางจังหวัดหนองคาย ต่อไป แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เผยผลตรวจเบื้องต้น น้ำหมักมหาบำบัด และน้ำเจียรนัยเพชร ป้าเช็ง พบเป็นกรด และมีแบคทีเรีย 2 ชนิด

at 7:39 PM

สธ.เผยผลตรวจเบื้องต้น น้ำหมักมหาบำบัด และน้ำเจียรนัยเพชร ป้าเช็ง พบเป็นกรด และมีแบคทีเรีย 2 ชนิด วันนี้ (25 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าผลการกรวดน้ำหมักของ นางสาวศรวรรณ ศิริสุนทรินท์ หรือ ป้าเช็ง ได้แก่ น้ำมหาบำบัด ที่จำหน่ายราคาขวดละ 1,000 บาท อ้างสร...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ.เผยผลตรวจเบื้องต้น น้ำหมักมหาบำบัด และน้ำเจียรนัยเพชร ป้าเช็ง พบเป็นกรด และมีแบคทีเรีย 2 ชนิด

วันนี้ (25 มกราคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าผลการกรวดน้ำหมักของ นางสาวศรวรรณ ศิริสุนทรินท์ หรือ ป้าเช็ง ได้แก่ น้ำมหาบำบัด ที่จำหน่ายราคาขวดละ 1,000 บาท อ้างสรรพคุณรักษาได้เกือบทุกโรค และน้ำเจียรนัยเพชร ที่ใช้หยอดตา ขายขวดละประมาณเกือบ 100 บาท ว่า ผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ในเบื้องต้นพบว่า น้ำหมักทั้ง 2 ชนิด มีสภาพเป็นกรด มีฤทธิ์ระคายเคืองเยื่อบุเซลล์ หากหยอดตาจะทำให้มีอาการปวดแสบปวดร้อน และหากเป็นกรดรุนแรงอาจเป็นอันตรายต่อเลนซ์ตาได้ และยังตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย 2 ชนิด ซึ่งในทางการแพทย์ยาหยอดตาที่ใช้ จะต้องไม่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนจะเป็นเชื้อชนิดใดจะต้องเพาะเชื้อต่อ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 วันจึงจะทราบผล

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ผลการตรวจน้ำหมักทั้ง 2 ชนิดไม่พบตัวยาทั้งยาปฏิชีวนะ และเพรดนิโซโลน ซึ่งเป็นสารสเตียรอยด์ จึงวินิจฉัยเบื้องต้นว่าไม่สามารถนำมาใช้รักษาโรคได้ สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการขั้นต่อไปคือ ให้ป้าเช็งยุติการผลิต จำหน่าย โฆษณาโดยสิ้นเชิง และมอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญกระทรวงสาธารณสุขจะเน้นการรณรงค์การคุ้มครองผู้บริโภคอย่างเข้มข้น เพื่อให้มีความรู้ ไม่หลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อผู้ประกอบการที่ผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันจะใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นต่อไป

หากป้าเช็งยังไม่ยุติ แม้ว่าจะเป็นการแจกฟรีก็ตาม ถือว่ามีความผิดจะต้องดำเนินคดีซ้ำอีก ทั้งการผลิต จำหน่าย โฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าข่ายโฆษณาเกินจริง และอาจมีข้อหาอื่น ๆ อีก ตามที่มีประชาชนมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายจุรินทร์กล่าว

ด้านนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ( อย.) กล่าวว่า ประเด็นที่ประชาชนร้องเรียนผลิตภัณฑ์ของป้าเช็งไปที่ อย. เป็นการหยอดตาด้วยน้ำหมักแล้วมีอาการปวดแสบปวดร้อน จึงหยุดใช้ทันทีและโทรแจ้งมายัง อย. โดยเมื่อผลการตรวจเบื้องต้นพบการปนเปื้อนแบคทีเรีย หลักการคือต้องยุติการใช้ทันที และ อย.ให้ป้าเช็งหยุดผลิตและหยุดจำหน่ายแก่ประชาชนอย่างสิ้นเชิง มิฉะนั้นจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย อย.

อย่างไรก็ดี ประชาชนที่ประสบปัญหาหลังซื้อผลิตภัณฑ์ของป้าเช็งไปใช้ สามารถแจ้งความกับผู้บังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมได้

****************************** 25 มกราคม 2553 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. แจงวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 มีความปลอดภัยสูง ขอประชาชนกลุ่มเสี่ยงมั่นใจ

at 6:22 PM

สธ. แจงวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 มีความปลอดภัยสูง ขอประชาชนกลุ่มเสี่ยงมั่นใจ วันนี้ (25 มกราคม 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่2009 ใ...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

สธ. แจงวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 มีความปลอดภัยสูง ขอประชาชนกลุ่มเสี่ยงมั่นใจ

วันนี้ (25 มกราคม 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่2009 ให้กลุ่มเสี่ยง ที่สถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี และฉีดวัคซีนเป็นตัวอย่าง เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงมาฉีดวัคซีนมากขึ้น หลังจากพบว่าในรอบ 10 วันที่ผ่านมา กลุ่มเสี่ยงเป้าหมาย 5 กลุ่ม เข้ารับบริการฉีดเพียง 4 หมื่นกว่าราย ต่ำกว่าเป้าหมายมาก

นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังฉีดวัคซีนรู้สึกเป็นปกติดี จนถึงเวลานี้น่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่มีผลข้างเคียงสำหรับตนเองแต่อย่างใด ผมเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลมาแล้ว ไม่มีอาการแพ้แต่อย่างใด ส่วนเรื่องความมั่นใจในการฉัดวัคซีนนั้น ผู้เชี่ยวชาญยืนยันชัดเจนว่าอยู่ในระดับที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งเทียบเคียงได้กับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทั่วไปที่เคยฉีดมาหลายสิบปีมาแล้ว และผู้ที่จะให้ความมั่นใจได้ดีที่สุดอีกคือองค์การอนามัยโลก ซึ่งวัคซีนที่เราสั่งนำเข้ามานี้ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลกชัดเจน ประเทศที่เรานำเข้าก็เป็นประเทศฝรั่งเศสที่ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก

ส่วนเรื่องที่กรมควบคุมโรคได้รายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีน 4 รายนั้น ได้รับรายงานแล้ว คือมี 2 ราย ได้แก่ กรณีปากเบี้ยวและกรณีไตวายเฉียบพลัน ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าไม่น่าจะเกิดจากวัคซีน ส่วนกรณีที่มีอาการหายใจติดขัดเบื้องต้นน่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงเป็นที่มาที่ต้องกำหนดมาตรการชัดเจนและรัดกุมกว่าการฉีดวัคซีนทั่วไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก่อนฉีดต้องมีการตรวจสุขภาพของผู้ที่จะมารับวัคซีนก่อน หลังฉีดวัคซีนแล้วให้นั่งพัก 30 นาทีที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าระวังอาการข้างเคียง กรณีที่ตรวจพบว่ามีอาการหายใจติดขัด เป็นรายที่ติดตามหลังฉีด 30 นาที ซึ่งแพทย์ให้การดูแลจนเป็นปกติแล้ว ยังคงเหลือ 1 ราย ที่ลูกเสียชีวิตหลังคลอด ภายในสัปดาห์นี้น่าจะทราบข้อเท็จจริงว่าเกิดจากอะไร จากการสอบประวัติเบื้องต้นพบว่ามารดามีภาวะครรภ์เป็นพิษอยู่ก่อนแล้ว

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ในภาพรวมทั่วไปวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุขนำมาฉีดให้ประชาชนเป็นวัคซีนที่องค์การอนามัยโลกให้การรับรอง ซึ่งวันนี้ได้ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ให้เร่งรัดรณรงค์ฉีดวัคซีนให้เสร็จในเดือนมกราคม มีนาคม ตามเป้าหมาย แต่ปรากฏว่าเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือนเพิ่งฉีดไปได้เพียง 40,000 กว่าราย ยังขาดอีกกว่า 1.9 ล้านราย จึงได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการทุกเขต และให้คณะกรรมการบูรณาการประจำจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และสาธารณสุขจังหวัดร่วมรับผิดชอบด้วย ให้รณรงค์ให้กลุ่มเสี่ยงทั้ง 5 กลุ่ม ให้มาฉีดวัคซีนป้องกันโรค ภายในเดือนมีนาคมให้ครบ โดยเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ควรเป็นกลุ่มแรกที่ฉีดเป็นตัวอย่าง

สำหรับผมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากต้องปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาล น่าจะถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน และมาฉีดเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าฉีดแล้ว สำหรับผมก็ไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด นายจุรินทร์กล่าว
******************************** 25 มกราคม 2553
แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จังหวัดพัทลุง น้อมสืบสานพระปณิธานหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำเดือน มกราคม 2553 - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 6:18 PM

จังหวัดพัทลุง น้อมสืบสานพระปณิธานหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำเดือน มกราคม 2553 หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจังหวัดพัทลุง น้อมสืบสานพระปณิธานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ โดยออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทุรกันดาร ประจำเดือน มกราคม 2553 นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ชำนาญการพิเศษ สำนักงา...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จังหวัดพัทลุง น้อมสืบสานพระปณิธานหน่วยแพทย์ พอ.สว. ประจำเดือน มกราคม 2553

หน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจังหวัดพัทลุง น้อมสืบสานพระปณิธานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนาฯ โดยออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทุรกันดาร ประจำเดือน มกราคม 2553

นายแพทย์บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ นายแพทย์ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) ชำนาญการพิเศษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า หน่วยแพทย์ พอ.สว.ประจำจังหวัดพัทลุง เป็น 1 ใน 51 ของจังหวัดหน่วยแพทย์ พอ.สว. โดยจัดตั้งเป็นลำดับที่ 33 เมื่อปี 2514 และได้ออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลในพื้นที่ทั้ง 11 อำเภอของจังหวัดพัทลุงอย่างต่อเนื่องตลอดมาเป็นเวลากว่า 36 ปี ขณะนี้มีอาสาสมัคร จำนวน 852 คน จำแนกเป็นแพทย์ จำนวน 86 คน ทันตแพทย์ 36 คน เภสัชกร 33 คน พยาบาล 168 คน อาสาสมัครสายแพทย์และสาธารณสุขประเภทอื่น ๆ จำนวน 364 คน และอาสาสมัครสายสนับสนุน จำนวน 165 คน

สำหรับ ในปี 2553 หน่วยแพทย์ พอ.สว.จังหวัดพัทลุง ได้กำหนดแผนออกปฏิบัติงานเพื่อสืบสานพระปณิธานและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยออกปฏิบัติงานตั้งแต่เดือน ตุลาคม ถึง กันยายน 2551 ใน 11 อำเภอๆ ละ 1 ครั้ง ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลให้ได้รับบริการด้านสุขภาพอย่างทั่วถึง กิจกรรมประกอบด้วยการบริการด้านการแพทย์เคลื่อนที่ , งานทันตกรรม ,การให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ และการมอบยาสามัญประจำบ้าน นอกจากการให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดังกล่าวแล้ว ยังมีการบริการเสริมสวย โดยช่างเสริมสวย จากวิทยาลัยสารพัดช่างพัทลุง และบริการตรวจรับรองความพิการ จากสำนักงานพัฒนาสังคมและมนุษย์จังหวัดพัทลุง ร่วมให้บริการด้วย

สำหรับเดือนมกราคม 2553 นี้ หน่วยแพทย์ พอ.สว. ออกปฏิบัติงานในวันที่ 23 มกราคม 2553 โดยให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ประชาชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ณ โรงเรียนบ้านเตง หมู่ที่ 4 ตำบลแหลมโตนด อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ซึ่งการให้บริการในครั้งนี้ มีประชาชนมารับบริการ ดังนี้ การให้บริการรักษาพยาบาลรักษาโรคทั่วไป จำนวน 83 ราย บริการทางด้านทันตกรรม จำนวน 35 ราย และออกเยี่ยมบ้าน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ จำนวน 5 ราย [ Download ข้อมูลเพิ่มเติม - DSC08587.JPG ] แหล่งข่าวโดย.... สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ตั้งเลขาธิการ ก.พ.เป็นประธานสอบวินัยข้าราชการโครงการไทยเข้มแข็งสธ. - อาหารและสุขภาพ, Health channel

at 5:05 PM

จุรินทร์ตั้งเลขาธิการ ก.พ.เป็นประธานสอบวินัยข้าราชการโครงการไทยเข้มแข็งสธ. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกชี้มูลในโครงการไทยเข็มแข็งในผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดนายแพทย์บรรลุ ศิริพาณิช ว่า ภายในวันนี้จะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอ...
วันที่ 25 ม.ค 2553
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)

จุรินทร์ตั้งเลขาธิการ ก.พ.เป็นประธานสอบวินัยข้าราชการโครงการไทยเข้มแข็งสธ.

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่ถูกชี้มูลในโครงการไทยเข็มแข็งในผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดนายแพทย์บรรลุ ศิริพาณิช ว่า ภายในวันนี้จะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัย โดยเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัย และประธานฯ ได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการมาให้ทั้งหมด 6 ท่าน ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นไปตามนั้น ประกอบด้วย 1.รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา 2.รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 3.หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักงานอัยการสูงสุด 4.ที่ปรึกษาระบบราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน 5.ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลังกรมบัญชีกลาง 6.ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานวินัยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเป็นกรรมการและเลขานุการ

นายจุรินทร์กล่าวว่า กรณีที่จะพักงานหรือโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดทางการสอบสวนนั้น จะให้เป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งกำหนดชัดเจนว่า กรณีที่จะพักราชการนั้น ต้องเป็นกรณีที่เป็นอุปสรรคหรือบุคคลท่านนั้นเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน เพราะฉะนั้นผู้ที่จะตอบได้ว่าใครเป็นอุปสรรคหรือไม่เป็นอุปสรรค ก็คือคณะ กรรมการสอบสวน ถ้าคิดว่าเป็นอุปสรรคท่านก็จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้ กรรมการจะรู้ดีที่สุดว่าเป็นหรือไม่เป็น กรณีที่จะมีการแยกการสอบสวน กรรมการสอบสวนก็จะสามารถไปแยกได้ และเดินหน้าต่อไปจนจบกระบวนการ

จะไม่ระบุระยะเวลาการสอบสวนว่าจะใช้เวลากี่วัน เพราะว่าแทนที่จะเป็นธรรม อาจจะไม่เป็นธรรมก็ได้ หรืออาจเกิดปัญหาก็ได้ เพราะว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เพียงแต่ระบุว่าโดยเร็ว ซึ่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนทราบดีอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นผู้คุมกฎและเป็นผู้เข้าใจกฎระเบียบดีที่สุด นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า จำนวนข้าราชการตามรายงานที่คณะสอบสวนข้อเท็จจริงรายงานมามี 8 ท่าน เป็นข้าราชการ 5 ท่าน อีก 3 ท่านไม่ได้เป็นข้าราชการ เพราะเกษียณไปแล้ว ก็ต้องส่งให้ ปปช. ตามที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ให้ความเห็นไว้ โดยจะลงนามตามที่คณะกรรมการเสนอมา เมื่อคณะกรรมการชุดนั้นมีความเห็นว่าส่วนหนึ่งควรส่ง ปปช. ส่วนหนึ่งควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไปซึ่งก็จะดำเนินการไปตามนั้น เพื่อดำเนิน การให้จบกระบวนการและให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม

นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้โครงการไทยเข้มแข็งกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินหน้าทบทวนโครงการฯไปแล้วส่วนใหญ่ ยังเหลือค้างคาอยู่บางส่วน ซึ่งก็จะดำเนินการต่อไป และทำให้จบ เพื่อจะได้เดินหน้าได้ อะไรที่ทบทวนแล้วและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย และทุกฝ่ายมั่นใจว่าเป็นไปด้วยความโปร่งใส ถูกต้องตามกฎระเบียบ ก็จะเดินหน้าไปได้ อะไรไม่ถูกต้อง ก็จะยกเลิกและระงับไป

นอกจากนี้นายจุรินทร์ยังกล่าวถึงเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพคนไร้สถานะว่า จะนำมาพิจารณาเป็นวาระเฉพาะในการประชุมกระทรวงสาธารณสุข และให้ความเห็นเรื่องนี้ต่อไป
******************************** 25 มกราคม 2553 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [25/ม.ค/2553] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)
Thai Health Article (Thailand) | RSS Subscribe | Go to top