ไทยตายแล้ว3 ล่าสุดทหารเรือ สังเวยไข้หวัด09 - Influenza A(H1N1)

Monday, June 29, 2009 at 2:10 PM

โดย ไทยรัฐออนไลน์
29 มิถุนายน 2552, 13:15 น.

กระทรวง สาธารณสุข เผยในวันนี้ มีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 อีก 1 รายเป็นเพศชายอายุ 21 ปี เป็นรายที่ 3 ของประเทศ ยันมาตรฐานการรักษาของไทยอยู่ในระดับสากล เปรียบเทียบอัตราเสียชีวิตแล้ว ไทยยังต่ำ

วันนี้ (29 มิ.ย.) นายวิทยา แก้วภราดรัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานผู้ป่วยเสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 21 ปี เริ่มป่วยวันที่ 17 มิถุนายน 2552 เสียชีวิตในเช้าวันนี้ จัดเป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 3 ของประเทศ ส่วนในรายละเอียดนั้น จะให้กองทัพเรือแถลงต่อสื่อมวลชนต่อไป โดย ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะส่งพวงหรีดไปเคารพศพและแสดงความเสียใจกับญาติ และศพวิศวกรที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ด้วย

นาย วิทยา กล่าวต่อว่า ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่เดือนเมษายน-29 มิถุนายน 2552 ทั้งหมด 1,330 คน หายป่วยแล้ว 1,309 คน ขณะนี้ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 18 คน และในวันนี้ได้รับรายงานผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการเพิ่ม 41 คน เป็นนักเรียน 29 ราย ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 4 คน อยู่ระหว่างติดตามรายละเอียด 8 คน ได้สั่งการกำชับให้กรมการแพทย์จัดประชุมเรื่องมาตรการการรักษาผู้ป่วยในบ่าย วันนี้และจะขอให้คณะแพทย์จากทบวงมหาวิทยาลัย และผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขทุกเขต มาร่วมประชุม เพื่อจัดส่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไปให้การสนับสนุนโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 นอนรักษา เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

นาย แพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อาการความรุนแรงของป่วยหลังติดเชื้อไข้หวัด2009 ขึ้นอยู่กับความต้านทานของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งไม่เท่ากัน เรื่องการรักษากระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ระบบการดูแลตามมาตรฐานสากล ต้องขอชื่นชมและให้กำลังใจทีมแพทย์พยาบาลทุกคนได้ให้การดูแลผู้ป่วย ทุกรายอย่างเต็มที่ ซึ่งทุกคนล้วนตั้งใจดูแลให้ผู้ป่วยหายป่วย ไม่มีใครอยากให้เสียชีวิต

ด้าน รศ. นายแพทย์ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมการแพทย์ กล่าวว่า อัตราผู้เสียชีวิตหลังป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ของไทย ขณะนี้มีพันละ 2 คน หมายถึงป่วยทุก 1000 คนจะเสียชีวิต 2 คน ซึ่งยังต่ำกว่าสหรัฐอเมริกา มีพันละ 4 คน หมายถึงในผู้ป่วยทุก 1,000 คนจะเสียชีวิต 4 คน เมื่อประเมินสถานการณ์ทั่วโลก จากประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 109 ประเทศ จำนวนผู้ป่วย 59,814 คน มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 263 คน ใน 13 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโกเสียชีวิต 116 คนจากผู้ป่วย 8,279 คน สหรัฐอเมริกา 87 คนจากผู้ป่วย 21,449 คน แคนาดา 19 คนจากผู้ป่วย 6,732 คน อาร์เจนตินา 21 รายจากผู้ป่วย 1,391 คน ชิลี 7 รายจากผู้ป่วย 5,186 คน ออสเตรเลีย 3 คนจากผู้ป่วย 3,280 คน โคลัมเบีย 2 คนจากผู้ป่วย 72 คน กัวเตมาลา 2 คนจากผู้ป่วย 254 คน อังกฤษ 1 คนจากผู้ป่วย 3597 คน ฮอนดูรัส 1 คนจากผู้ป่วย 118 คน ฟิลิปปินส์ 1 คนจากผู้ป่วย 445 คน คอสตาริกา 1 คนจากผู้ป่วย 222 คน และไทยเสียชีวิต 3 คนจากผู้ป่วย 1,330 คน

นาย แพทย์ทวี กล่าวถึงโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัส เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ยาที่ใช้ขณะนี้คือโอเชลทามีเวียร์ เป็นยาที่จะลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสในร่างกายให้ลดลง อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก มีข้อแนะนำการใช้ยาต้านไวรัสดังกล่าว โดยใช้ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ได้แก่เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่อายุมากกว่า 65 ปี หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น มีปัญหาปอดอักเสบ ไข้สูง ตลอด2-3 วัน เหนื่อยหอบ เพลียมาก ซึ่งสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ แต่ในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง เช่น มีไข้ต่ำๆ ไอ มีน้ำมูก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว อาการจะทุเลาได้เอง แต่จะต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ คือไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายสร้างระบบภูมิต้านทานต่อเชื้อ โดยธรรมชาติ ให้งดสูบบุหรี่และงดเที่ยวกลางคืน งดดื่มสุรา แต่หากปฏิบัติแล้วไข้ยังสูง ภายใน 2-3 วันหลังป่วย หรือมีอาการไอมากขึ้น เหนื่อยหอบ เพลียมาก แสดงถึงอาจมีโรคแทรกซ้อน โดยเฉพาะปอดบวม ให้มาพบแพทย์ด่วน

ล่า สุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ล่าสุดมีคนไทยผู้เสียชีวิต 3 รายว่า ตนกำลังสอบถามกรณีที่เสียชีวิตทุกกรณีแล้วว่ามีปัจจัยอะไรเกี่ยวข้องบ้าง แต่ตนพยายามย้ำคือ 1.ทุกคนที่มีอาการต้องรีบไปหาหมอเพราะถ้าเป็นไปข้ 3-4 วันแล้วการรักษาจะยากกว่า 2.กลุ่มเสี่ยงโดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวหรือกรณีที่เป็นเด็ก ผู้สูงอายุ และ3.กำลังตรวจสอบว่าการทดสอบว่าเป็นหวัดสายพันธุ์2009 หรือไม่นั้นทำได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์อาจจะมีผลทำให้การวินิจฉัยและการให้ยาไม่ ตรง อย่างไรก็ตามทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้แนวปฏิบัติกับโรงพยาบาลทุกโรง พยาบาลคงจำเป็นต้องเชื่อมโยงให้กระชับมากขึ้น และต้องดำเนินการประชาสัมพันธ์แนวปฏิบัติต่างๆต้องทำให้หนักขึ้น

“ ขณะนี้โดยเฉลี่ยจากรายงานวันหนึ่งเพิ่มมาประมาณ 80-90 ราย การไล่ตามตรวจอาจจะเป็นไปได้ที่ไม่ทั่วถึง และหลายประเทศที่ตัวเลขคนติดเชื้อเข้าสู่แบบที่เราเป็นอยู่ ก็จะเจอแบบเดียวกัน บางประเทศก็เลิกติดตามด้วยซ้ำเพราะถือว่าเป็นโรคธรรมดา เพราะอัตราการเสียชีวิตใกล้เคียงไข้หวัดใหญ่ตามปกติ แต่เนื่องจากหวัด 2009 คนยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ต้องย้ำว่าใครมีอาการขอให้รีบไปรับการรักษาจากหมอ แต่นโยบายของรัฐบาลเรายังไม่เลิกติดตามสถานการณ์ของผู้ติดเชื้อ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Related Posts:

Thai Health Article (Thailand) | RSS Subscribe | Go to top