สธ.ยันไม่มีนโยบายกำจัดสุนัขจรจัดในกระทรวงสาธารณสุข เร่งให้สอบข้อเท็จจริง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยันไม่มีนโยบายกำจัดสุนัขจรจัดที่อาศัยในกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเร่งสอบข้อเท็จจริงรายงานผลก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผลการสอบเบื้องต้นพบ เหตุมาจากคนสวนของบริษัทรับจัดสวนนำอาหารไปคลุกกับยาฆ่าแมลงเพื่อนำมากำจัดหนูที่มากัดทำลายสวน วันนี้ (30 พฤศ...
วันที่ 30 พ.ย 2552
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)
สธ.ยันไม่มีนโยบายกำจัดสุนัขจรจัดในกระทรวงสาธารณสุข เร่งให้สอบข้อเท็จจริง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยันไม่มีนโยบายกำจัดสุนัขจรจัดที่อาศัยในกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเร่งสอบข้อเท็จจริงรายงานผลก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผลการสอบเบื้องต้นพบ เหตุมาจากคนสวนของบริษัทรับจัดสวนนำอาหารไปคลุกกับยาฆ่าแมลงเพื่อนำมากำจัดหนูที่มากัดทำลายสวน
วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวสั่งวางยาเบื่อฆ่าสุนัขในกระทรวงสาธารณสุขเสียชีวิตไปแล้ว 3 ตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจที่สุนัขเข้าไปรื้อสวน ว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่มีนโยบายที่จะให้กำจัดสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ในกระทรวง พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปสอบสวนหาข้อมูลที่เท็จจริงของการเสียชีวิตของสุนัขซึ่งจะต้องนำผลมารายงานให้ทราบก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2552
ด้านนายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานทั่วไป สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดจ้างให้มีการปรับปรุงสวนบริเวณลานพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมีหนูมากัดทำลายต้นหูปลาช่อนที่ปลูกบริเวณรอบๆ ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งมอบงานที่จะครบกำหนดสัญญาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ให้บริษัทนำกรงดักหนูมาวางบริเวณรอบๆ บริเวณที่เสียหาย แต่เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้นำกรงดักหนูมา ดังนั้นผู้ที่จัดสวนซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท จึงได้ใช้ปลาทูคลุกกับยากำจัดแมลง และนำไปวางบริเวณโคนต้นไม้ประมาณ 4 จุดเพื่อเบื่อหนู ซึ่งคาดว่าสุนัขจะได้กลิ่นปลาทู และเข้าไปกินปลาทูที่คลุกยาดังกล่าว ทำให้เสียชีวิตไป 3 ตัว
นายแพทย์เสรี กล่าวต่อไปว่า พร้อมกันนี้ได้สั่งให้บริษัทที่รับจัดสวนเข้ามาเก็บเหยื่อที่คนสวนนำไปวางไว้ทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2552 แต่ก็ยังมีสุนัขเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ตัว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
************************** 30 พฤศจิกายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/พ.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)
(อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)
สธ.ยันไม่มีนโยบายกำจัดสุนัขจรจัดในกระทรวงสาธารณสุข เร่งให้สอบข้อเท็จจริง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยันไม่มีนโยบายกำจัดสุนัขจรจัดที่อาศัยในกระทรวงสาธารณสุข พร้อมเร่งสอบข้อเท็จจริงรายงานผลก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผลการสอบเบื้องต้นพบ เหตุมาจากคนสวนของบริษัทรับจัดสวนนำอาหารไปคลุกกับยาฆ่าแมลงเพื่อนำมากำจัดหนูที่มากัดทำลายสวน
วันนี้ (30 พฤศจิกายน 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่มีการเสนอข่าวสั่งวางยาเบื่อฆ่าสุนัขในกระทรวงสาธารณสุขเสียชีวิตไปแล้ว 3 ตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่พอใจที่สุนัขเข้าไปรื้อสวน ว่า กระทรวงสาธารณสุขไม่มีนโยบายที่จะให้กำจัดสุนัขจรจัดที่อาศัยอยู่ในกระทรวง พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไปสอบสวนหาข้อมูลที่เท็จจริงของการเสียชีวิตของสุนัขซึ่งจะต้องนำผลมารายงานให้ทราบก่อนวันที่ 30 ธันวาคม 2552
ด้านนายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานทั่วไป สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดจ้างให้มีการปรับปรุงสวนบริเวณลานพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และมีหนูมากัดทำลายต้นหูปลาช่อนที่ปลูกบริเวณรอบๆ ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งมอบงานที่จะครบกำหนดสัญญาในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ได้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ให้บริษัทนำกรงดักหนูมาวางบริเวณรอบๆ บริเวณที่เสียหาย แต่เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้นำกรงดักหนูมา ดังนั้นผู้ที่จัดสวนซึ่งเป็นลูกจ้างของบริษัท จึงได้ใช้ปลาทูคลุกกับยากำจัดแมลง และนำไปวางบริเวณโคนต้นไม้ประมาณ 4 จุดเพื่อเบื่อหนู ซึ่งคาดว่าสุนัขจะได้กลิ่นปลาทู และเข้าไปกินปลาทูที่คลุกยาดังกล่าว ทำให้เสียชีวิตไป 3 ตัว
นายแพทย์เสรี กล่าวต่อไปว่า พร้อมกันนี้ได้สั่งให้บริษัทที่รับจัดสวนเข้ามาเก็บเหยื่อที่คนสวนนำไปวางไว้ทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2552 แต่ก็ยังมีสุนัขเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ตัว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
************************** 30 พฤศจิกายน 2552 แหล่งข่าวโดย.... สำนักสารนิเทศ [30/พ.ย/2552] (อาหารและสุขภาพ, Health channel, Health nutrition, Health article)